ประวัติ ของ ไชโยโปรดักชั่นส์

ไชโยโปรดักชั่นส์ มีผลงานครั้งแรกเป็นละครโทรทัศน์ เรื่อง ไกรทอง เมื่อปี พ.ศ. 2513 ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 7 ซึ่งเป็นเรื่องราวของนิทานพื้นบ้านเกี่ยวกับมนุษย์และจระเข้ ที่เป็นที่รู้จักกันดี โดย สมโพธิได้ใช้สเปเชียลเอฟเฟกส์ผสมกับการนำเสนอแบบลิเก ทำให้ได้รับความนิยมอย่างมากจนเรตติ้งขึ้นเป็นละครอันดับหนึ่งของปีนั้น (นำแสดงโดย ปรีดา จุลละมณฑล ดามพ์ ดัสกร มาลาริน บุนนาค ขวัญตา บัวเปลี่ยนสี) และทำให้ได้มีผลงานเรื่องถัดมา ปี พ.ศ. 2514 คือ พระอภัยมณี[3] (นำแสดงโดย เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ คมน์ อรรฆเดช รจนา นามวงศ์ ขวัญตา บัวเปลี่ยนสี ปริม ประภาพร รัตนาภรณ์น้อย อินทรกำแหง)ต่อมาจึงได้มีผลงานภาพยนตร์เรื่องแรก คือ ท่าเตียน ในปี พ.ศ. 2516 ซึ่งเป็นเรื่องราวของยักษ์วัดแจ้งสู้กับยักษ์วัดโพธิ์ เมื่ออกฉายประสบความสำเร็จอย่างงดงาม ทำรายได้อย่างมาก และยังมีผลงานในแนวเดียวกันออกมาอีกหลายเรื่อง ซึ่งทุกเรื่องประสบความสำเร็จทั้งสิ้นกับภาพยนตร์แนวสัตว์ประหลาด, ซูเปอร์ฮีโร่ หรือแฟนตาซี ที่ต้องใช้สเปเชียลเอฟเฟกส์จำนวนมาก ในช่วงที่รุ่งเรือง กล่าวกันว่าเมื่อใดที่สัญลักษณ์ของไชโยภาพยนตร์ปรากฏ คือ รูปสิงโตคู่ ผู้ชมโดยเฉพาะเด็ก ๆ จะวิ่งมาจองพื้นที่นั่งดูในแถวหน้าเป็นจำนวนมาก โดยมีผลงานทั้งสิ้น 16 เรื่อง บางเรื่องยังได้ร่วมสร้างกับบริษัทของต่างประเทศ เช่น สึบุรายะโปรดักชั่น ของญี่ปุ่น และได้ออกฉายยังต่างประเทศ[3]

ไชโยโปรดักชั่นส์ มีที่ตั้งอยู่ที่ เลขที่ 464 ถนนสุคนธสวัสดิ์ แขวงและเขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร และมีโรงถ่ายตั้งอยู่ที่ ถนนพหลโยธิน กิโลเมตรที่ 52 ตำบลเชียงรากน้อย อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา[1] ซึ่งใช้เป็นโรงถ่ายทำมาตั้งแต่อดีต ซึ่งปัจจุบันใช้เป็นที่พักอาศัยของสมโพธิ และใช้เป็นที่เก็บสินค้าและสิ่งต่าง ๆ เกี่ยวกับอุลตร้าแมนกว่า 1 ล้านชิ้น โดยเรียกว่า "อุลตร้าแมนแลนด์"[3]

ปัจจุบัน ไชโยโปรดักชั่นส์ มิได้สร้างภาพยนตร์แล้ว โดยผลงานเรื่องสุดท้าย คือ กิ้งก่ากายสิทธิ์ ในปี พ.ศ. 2528[4] (ในปี พ.ศ. 2544 และ พ.ศ. 2547 มีการแสดงโชว์ อุลตร้าแมนมิลเลเนี่ยม ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี[5] และในปี พ.ศ. 2550 มีการสร้างซีรีส์ชุด โปรเจกต์อุลตร้าแมน ร่วมกับบริษัทของจีน แต่มิได้เผยแพร่เนื่องจากติดปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์[6]) แต่ได้ดำเนินการจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์ต่าง ๆ โดยไม่มีผลงานของบริษัทจัดจำหน่ายอีกแล้วในตลาด เนื่องจากสมโพธิได้จัดเก็บหมด โดยตั้งใจว่าจะออกเผยแพร่เป็นดีวีดีแบบบลูเรย์ ก็ต่อเมื่อปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์ของอุลตร้าแมนได้จบลงและได้มีการสร้างใหม่อีกครั้งในนามบริษัท[4]