ประวัติ ของ ไมก์_ชิโนดะ

ชีวิตช่วงแรก

ไมก์ ชิโนดะ เกิดและเติบโตในเมืองอะกูราฮิลส์ ชานเมืองลอสแอนเจลิส[1] พ่อของเขาเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่น-อเมริกัน ทายาทของตระกูลบริษัท คุมะอิชิโระ ชิโนดะ และแม่ของเขาเป็นคนผิวขาว[2][3] เขามีน้องชายหนึ่งคนชื่อ เจสัน[4]

ไมก์เป็นผู้ที่มีความสนใจเกี่ยวกับดนตรีในช่วงมัธยม โดยเขาได้เริ่มเล่นเครื่องดนตรีหลายชนิดโดยสนใจเรียนเปียโนคลาสสิกเมื่ออายุประมาณ 6 ปี เมื่ออายุได้ 13 ปี เขาได้หันมาสนใจมาเล่นดนตรีในแนวแจ๊ส บลูส์ และแม้แต่ฮิปฮอป[5] เขาได้เรียนรู้การเล่นกีตาร์และร้องเพลงในแบบแร็ปในการแสดงต่างๆ

ไมก์ได้เข้าเรียนที่อะกูราไฮสคูลด้วยกันกับ แบรด เดลสัน และรอบ บัวร์ดอน ซึ่งเป็นสมาชิกวงลิงคินพาร์กในปัจจุบัน ทั้งสามคนได้ก่อตั้งวงดนตรีชื่อ ซีโร (Xero) และเริ่มทำงานอาชีพในวงการเพลงอย่างจริงจังมากขึ้น หลังจากจบการศึกษาในระดับไฮสคูล ไมก์ได้เข้าเรียนที่ Art Center College of Design เพื่อเรียนด้านกราฟิกดีไซน์โดยเฉพาะ[1] และเขาก็ได้เรียนร่วมห้องกับโจ ฮาห์น ซึ่งเป็นดีเจ และเป็นนักเทิร์นเทเบิลในขณะนั้น

เมือได้จบการศึกษาวิทยาลัย ก็ได้ทำงานด้านกราฟิกดีไซเนอร์ควบคู่ไปกับการทำผลงานดนตรี[1] และได้ใช้ความรู้ด้านกราฟิกดีไซเนอร์มาออกแบบโลโก้ และภาพต่างๆ ของวงคู่กับโจ ฮาห์น และได้ออกแบบหน้าปกอัลบั้ม 2000 Fold ซึ่งเป็นอัลบั้มชุดแรกให้กับวงสไตลส์ออฟบียอนด์ (Styles of Beyond) ในปีต่อมาเขาได้แสดงทักษะและความสามารถทางด้านงานศิลปะครั้งแรกของเขาในงานแสดงผลงานศิลปะที่แกลลอรี่ 1988[6] ที่ลอสแอนเจลิส ก่อนที่จะทำอัลบั้มชุดที่สามของวง มินิตส์ทูมิดไนต์

ลิงคินพาร์ก

ไมก์ ชิโนดะ ในระหว่างการสัมภาษณ์ที่กรุงเทพมหานครในปี พ.ศ. 2549
ดูบทความหลักที่: ลิงคินพาร์ก

เมื่อวงดนตรีของไมก์ ชิโนดะได้คว้าตัวนักร้องนำคนใหม่ของวง เชสเตอร์ เบนนิงตัน แทนที่ มาร์ก เวกฟิลด์ (Mark Wakefield) ทำให้ไมก์ได้มีส่วนร่วมในการบันทึกผลงานเพลงของวงดนตรีอย่างใกล้ชิด และผลงานในด้านต่างๆ และได้ร่วมเป็นมือกีตาร์ด้วยกันกับ แบรด เดลสัน ซึ่งเป็นมือกีตาร์นำของวง ในอัลบั้ม ไฮบริดทีโอรี อีพี รวมทั้งสตูดิโออัลบั้มชุดแรกของวง ไฮบริดทีโอรี[7] ไมก์ได้มีส่วนร่วมในการแต่งเพลงในหลายๆ เพลงของลิงคินพาร์กมาตั้งแต่ก่อตั้งวง เขาได้เป็นโปรดิวเซอร์ให้กับอัลบั้มรีแอนิเมชัน ที่ออกจำหน่ายเมื่อปี พ.ศ. 2545 ซึ่งเป็นอัลบั้มรีมิกซ์ชุดแรกของวง เขาได้มีส่วนร่วมในการทำผลงานเพลงของ The X-Ecutioners ในชื่อว่า "It's Goin' Down"

ในช่วงสตูดิโออัลบั้มชุดที่สองของวง เมทีโอรา ในปี พ.ศ. 2546 ไมก์ยังคงทำหน้าที่ของเขาในฐานะนักดนตรีและเจ้าหน้าที่โปรดิวเซอร์ต่างๆ นอกจากนี้ งานภาพปกอัลบั้มนั้น เขาได้ร่วมมือกับศิลปินกราฟฟิตี DELTA (ศิลปะการพ่นสีขีดเขียนบนกำแพง), กราฟิกดีไซเนอร์ แฟรงก์ แมดดอกส์ (Frank Maddocks) และเพื่อนร่วมวงดนตรี โจ ฮาห์น

มีการออกจำหน่ายผลงานของเจย์-ซีร่วมกับลิงคินพาร์ก ในชื่อว่า คอลลิชันคอร์ส ซึ่งเป็นการนำเพลงของทั้งสองศิลปินมาผสมกัน โดยออกจำหน่ายในปี พ.ศ. 2547 การมีส่วนร่วมในการสร้างอัลบั้มของไมก์ได้ดำเนินต่อเนื่องไปเรื่อยๆ และได้ชนะรางวัลแกรมมีในรายการ "แร็ป/ร้องยอดเยี่ยม" ในปี พ.ศ. 2549[8]

ลิงคินพาร์กได้ออกจำหน่ายอัลบั้มชุดที่สาม มินิตส์ทูมิดไนต์ เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2550 ในอัลบั้มชุดนี้ ไมก์ได้ผลิตผลงานร่วมกับ ริก รูบิน ซึ่งเป็นโปรดิวเซอร์ที่ได้เคยผลิตผลงานมามากมาย และมีการแสดงถึงการเปลี่ยนแปลงแนวเพลงของวง อัลบั้มชุดนี้เป็นครั้งแรกของไมก์ ที่นอกจากการแร็ปและการร้องประสานเสียงของเขาแล้ว เขายังได้ร้องนำเพลงช้าครั้งแรก "In Between" และเพลงบีไซด์ "No Roads Left" เช่นเดียวกันกับการร้องแร็ปนำในเพลง "Bleed It Out" และเพลง "Hands Held High" ถึงแม้จะเป็นแทร็กที่หายากที่ไมก์ได้นำหน้าที่นักร้องนำ นิตยสารดนตรี Hit Parader ได้จัดอันดับให้ไมก์อยู่ในอันดับที่ 72 ของนักร้องเมทัล 100 อันดับแรก[9] ไมก์และริก รูบิน ได้ผลิตผลงานร่วมกันอีกครั้งในสตูดิโออัลบั้มชุดที่สี่ของลิงคินพาร์ก อะเทาซันด์ซันส์ ซึ่งออกจำหน่ายเมื่อวันที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2553 หลังจากนั้นก็ได้ออกจำหน่ายอัลบั้มชุดที่ห้า ลิฟวิงทิงส์ เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2555 และออกอัลบั้มรีมิกซ์ชุดที่สองของวง รีชาจด์ ซึ่งเป็นอัลบั้มที่นำเพลงมาจากอัลบั้มลิฟวิงทิงส์มารีมิกซ์ลงอยู่ในอัลบั้มนี้ ออกจำหน่ายเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2556 และได้ออกจำหน่ายสตูดิโออัลบั้มชุดที่หก เดอะฮันติงปาร์ตี เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ฟอร์ตไมเนอร์

ดูบทความหลักที่: ฟอร์ตไมเนอร์

ไมก์เริ่มงานไซด์โปรเจกต์ชื่อว่า ฟอร์ตไมเนอร์ ในระหว่างปี พ.ศ. 2546 และ พ.ศ. 2547 เพราะเขาไม่ต้องการที่จะแสดงดนตรีที่เน้นหนักในแบบฮิปฮอปกับลิงคินพาร์กมากนัก[10]

อัลบั้มเปิดตัวของฟอร์ตไมเนอร์ มีชื่อว่า เดอะไรซิงไทด์ (The Rising Tied) ออกจำหน่ายวันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2548 และรวมศิลปินรับเชิญจาก Styles of Beyond, Lupe Fiasco, Common, Black Thought จาก The Roots, John Legend, Holly Brook, Jonah Matranga, Celph Titled, และมี Jay-Z เป็นผู้อำนวยการผลิต

ผลงานศิลปะ

ไมก์เป็นคนที่อายุน้อยที่สุดที่เรียนจบการศึกษาจาก Art Center College of Design แห่งพาซาดีน่าในปี พ.ศ. 2541 ในหลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต เขามีส่วนร่วมในการสร้างผลงานด้านศิลปะของลิงคินพาร์ก ได้แก่ ภาพหน้าปกอัลบั้มต่างๆ สินค้าจากวง การออกแบบเว็บไซต์ของวง และงานศิลปะเพื่อออกโชว์บนเวที

แหล่งที่มา

WikiPedia: ไมก์_ชิโนดะ http://www.cbc.ca/arts/story/2006/02/08/grammy-awa... http://www.allmusic.com/artist/mike-shinoda-p38857... http://linkinparks818th.blogspot.com/2008/05/mikes... http://www.fixins.com/fortminor/ http://books.google.com/books?id=PkRKuy5gYrkC&pg=P... http://books.google.com/books?id=wDyd16CHUu4C&pg=P... http://www.hearya.com/2006/12/04/hit-paraders-top-... http://www.imdb.com/name/nm1060557/ http://www.linkinpark.com/group/mikeshinodasartwor... http://www.lptimes.com/article/RS_032603.html