พัฒนาการ ของ ไมน์คราฟต์

มาร์คุส แพร์สชอน เริ่มพัฒนาเกมนี้เหมือนโครงงานโครงงานหนึ่ง[39] เขาได้แรงบันดาลใจที่จะสร้าง ไมน์คราฟต์ จากหลาย ๆ เกม เช่น วาร์ฟฟอร์เทรส, ดันเจียนคีปเปอร์ และ อินฟินิไมเนอร์ ในเวลานั้นเขามองเห็นว่าสิ่งก่อสร้าง 3 มิตินั้นเป็นแรงบันดาลใจของเขาและผสมผสานกันระหว่างความคิดต้นแบบของเขา[39] อินฟินิไมเนอร์ มีอิทธิพลอย่างมากกับรูปแบบเกมการเล่น รวมไปถึงมุมมองบุคคลที่หนึ่ง รูปแบบของภาพ และบล็อกพื้นฐานของเกมนี้ อย่างไรก็ตามก็ไม่เหมือนกับ อินฟินิไมเนอร์ แพร์สชอนอยากให้ ไมน์คราฟต์ มีองค์ประกอบของเกมเล่นตามบทบาท (Role-playing game หรือ RPG)[40]

ไมน์คราฟต์ เปิดตัวแก่สาธารณชนครั้งแรกเมื่อ 17 พฤษภาคม ค.ศ. 2009 โดยได้เปิดตัวที่ทีไอจีซอร์สฟอรัมส์ (TIGSource forums)[41] ต่อมาได้เป็นที่รู้จักกันในนามรุ่น คลาสสิก (Classic) และต่อมารุ่นเซอร์ไวเวิลเทสต์ (Survival Test), อินเดฟ (Indev) และอินฟ์เดฟ (Infdev) ก็จะได้ถูกปล่อยออกมาในช่วงระหว่างเดือนกันยายน ค.ศ. 2009 กับเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2010 ถึงแม้ว่าตอนแรกแพร์สชอนจะทำงานกับแจลบัมดอตเน็ต (Jalbum.net) ต่อมาเขาก็ได้ลาออกเพื่อที่จะมาทำงานเกี่ยวกับ ไมน์คราฟต์ อย่างเต็มเวลาในช่วงเวลาที่ยอดขายของรุ่นแอลฟา (Alpha) ได้เพิ่มขึ้น[42] แพร์สชอนได้ดำเนินอัปเดตเกมแล้วปล่อยให้กับผู้เล่นโดยอัตโนมัติ ซึ่งอัปเดตประกอบไปด้วยฟีเจอร์ต่าง ๆ เช่น ของใหม่ บล็อกใหม่ ม็อบใหม่ โหมดเอาชีวิตรอด การเปลี่ยนรูปแบบบางอย่างของเกม (เช่น การไหลของน้ำ)[42]

กลับมาที่พัฒนาการของ ไมน์คราฟต์ แพร์สชอนได้ก่อตั้งบริษัทวิดีโอเกมนั่นคือบริษัทโมแยง ด้วยเงินที่เขาได้รับจากเกม[43][44][45] ในวันที่ 10 ตุลาคม ค.ศ. 2010 แพร์สชอนได้ประกาศว่า ไมน์คราฟต์ จะเข้าสู่ช่วงการทดสอบบีตา (Beta) ของมันในวันที่ 20 ธันวาคม ค.ศ. 2010[46] เขายังได้ระบุว่าผู้เล่นที่ซื้อเกมหลังวันดังกล่าวจะไม่ได้รับประกันว่าจะได้รับเนื้อหาทั้งหมดในอนาคตโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายในขณะที่มัน "กลัวทั้งทนายความและคณะกรรมการ" อย่างไรก็ตามการแก้ไขข้อบกพร่องหรือบั๊ก และอัปเดตทั้งหมด รวมไปถึงการวางจำหน่ายก็ยังฟรีอยู่ ในช่วงของการพัฒนาโมแยงได้จ้างพนักงานใหม่จำนวนมากเพื่อที่จะทำงานในโครงงานนี้[47]

โมแยงได้ย้ายเกมจากรุ่นบีตาและวางจำหน่ายรุ่นเต็มในวันที่ 18 พฤศจิกายน ค.ศ. 2011[48] เกมก็จะได้อัปเดตต่อไปเรื่อย ๆ ตั้งแต่ได้มีการวางจำหน่าย การเปลี่ยนแปลงมีไปตั้งแต่รูปแบบเกมจนไปถึงระบบเซิร์ฟเวอร์[49] ในวันที่ 1 ธันวาคม ค.ศ. 2011 เยนส์ แบร์เยนสเตียน (เจ๊บ) (Jens "Jeb" Bergensten)[4] ได้ควบคุมด้านความคิดสร้างสรรค์ของ ไมน์คราฟต์ อย่างเต็มรูปแบบ โดยให้แพร์สชอนไปเป็นผู้นำในการพัฒนาแทน[50] ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2012 โมแยงได้ประกาศว่าพวกเขาได้จ้างนักพัฒนาของ "คราฟต์บักกิต" (CraftBukkit)[36] แพลตฟอร์มเซิร์ฟเวอร์ชื่อดัง มาเพื่อที่จะมาปรับปรุงให้ ไมน์คราฟต์ รองรับกับเซิร์ฟเวอร์ม็อด[51] การเข้าซื้อครั้งในนี้ยังช่วยให้โมแยงเป็นเจ้าของม็อดคราฟต์บักกิตอย่างเต็มรูปแบบ[52] ถึงแม้ว่าความถูกต้องของการเรียกร้องนี้ได้ถูกถามเนื่องจากสถานะของการเป็นโครงการโอเพนซอร์ซกับผู้สนับสนุนอีกมากมาย ได้รับอนุญาตภายใต้สัญญาอนุญาตสาธารณะทั่วไปของกนู และสัญญาอนุญาตสาธารณะทั่วไปแบบผ่อนปรนของกนู[53] ในวันที่ 15 กันยายน ค.ศ. 2014 ไมโครซอฟท์ ได้ประกาศข้อตกลงเงินจำนวน 2.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่จะซื้อบริษัทโมแยงและเจ้าของลิขสิทธิ์ ไมน์คราฟต์ ข้อตกลงนี้ได้ถูกเสนอแนะโดยแพร์สชอนเมื่อเขาได้ทวีตถามบริษัทที่จะซื้อหุ้นเกมของเขา หลังได้รับคำวิจารณ์ว่า "พยายามที่จะทำสิ่งที่ถูกต้อง" ทั้งหมดได้เสร็จสิ้นในวันที่ 6 พฤศจิกายน ค.ศ. 2014 และทำให้แพร์สชอนนั้นไปสู่การเป็นหนึ่งใน "มหาเศรษฐีของโลก" ในนิตยสารฟอบส์[54][55][56][57][58]

เกี่ยวกับเสียง

เพลงของ ไมน์คราฟต์ และเสียงประกอบถูกสร้างโดยนักออกแบบเสียงชาวเยอรมัน แดเนียล "ซีโฟว์เอททีน" โรเซนเฟลด์ (Daniel "C418" Rosenfeld)[59] ดนตรีประกอบฉากใน ไมน์คราฟต์ เป็นดนตรีแอมเบียนต์ที่ไม่ได้เป็นเพลง

แหล่งที่มา

WikiPedia: ไมน์คราฟต์ http://globalnews.ca/news/1563546/microsoft-acquir... http://compsimgames.about.com/od/citybuildingsims/... http://arstechnica.com/gaming/2012/09/blocks-with-... http://www.bbc.com/news/technology-35341528 http://www.bloomberg.com/news/2014-09-15/microsoft... http://www.cnet.com/news/minecraft-for-xbox-one-to... http://www.escapistmagazine.com/news/view/104029-P... http://www.forbes.com/sites/ryanmac/2015/03/03/min... http://www.gamasutra.com/view/news/27719/Interview... http://minecraft-th.gamepedia.com/Minecraft_Wiki