ประวัติ ของ ไอกิโด

ไอกิโด ก่อตั้งโดย อาจารย์ โมริเฮ อุเอชิบะ (植芝 盛平 Ueshiba Morihei, 14 ธันวาคม 1883 – 26 เมษายน 1969) โดยผู้ฝึกไอกิโด เรียกอาจารย์ว่า โอเซนเซ Ōsensei ("ครูผู้ยิ่งใหญ่") [8] คำว่า 'ไอกิโด' เกิดขึ้นใน ศตวรรษที่ 20 [9] อาจารย์อุเอชิบะ มีวิสัยทัศน์ว่า ไอกิโด ไม่ได้เป็นแค่การผสมผสานศิลปะป้องกันตัว แต่เป็น การแสดงออกของ ปรัชญาของอาจารย์ ใน เรื่องสันติภาพในจักรวาล และการปรองดอง ในช่วงที่อาจารย์มีชีวิตอยู่ จนถึงปัจจุบัน ไอกิโด พัฒนาการจาก ไอคิ ที่อาจารย์อุเอชิบะเคยศึกษา จนกลายเป็น การแสดงออกของศิลปะป้องกันตัวที่หลากหลาย โดย ผู้ฝึกทั่วโลก[5]

ช่วงบุกเบิก

อาจารย์ ทาเคดะ โซคาคุ Takeda Sōkaku

อาจารย์อุเอชิบะ พัฒนาวิชาไอกิโด ส่วนใหญ่ในช่วง ปลาย ค.ศ. 1920 จนถึง 1930 โดยการผสมผสาน ศิลปะป้องกันตัวดั้งเดิมที่อาจารย์เคยเรียนมา [10] แก่นของศิลปะป้องกันตัว ที่ไอกิโด นำมาประยุกค์ใช้คือ ไดโต-ริว ไอคิ-ยิวยิทสู Daitō-ryū aiki-jūjutsu ที่อาจารย์ อุเอชิบะ เรียนมาโดยตรง จากอาจารย์ ทาเคดะ โซคาคุ Takeda Sōkaku ผู้ฟื้นคืนศิลปะเหล่านั้น นอกจากนั้น ได้ยินมาว่า อาจารย์อุเอชิบะ เคยได้ร่ำเรียน เทนจิน ชินโยริว Tenjin Shin'yō-ryū กับอาจารย์ โทซาว่า โทคุซาบุโร่ Tozawa Tokusaburō ในกรุงโตเกียว ในปี 1901 และเรียนกับ โกโทฮา ยากิว ชินกัน-ริว Gotōha Yagyū Shingan-ryū ภายใต้ นาคาอิ มาซาคัทสุ Nakai Masakatsu ที่เมือง ซาไก Sakai จากปี 1903 ถึง 1908 และเรียน ยูโด ยูโด กับ คิโยอิชิ ทาคากิ Kiyoichi Takagi (高木 喜代子 Takagi Kiyoichi, 1894–1972) ที่เมือง ทานาเบ้ Tanabe ในปี 1911[11]

ศิลปะ ไดโต-ริว Daitō-ryū เป็นส่วนสำคัญของ อิทธิพลทางเทคนิค ของวิชา ไอกิโด ที่มากับ การทุ่มมือเปล่า และ เทคนิคการล็อกข้อต่อ อาจารย์อุเอชิบะ รวมท่วงท่าการฝึก เข้ากันกับอาวุธเช่น หอก ทวน (yari), พลองสั้น () และ ดาบปลายปืน ญี่ปุ่น: bayonet โรมาจิ銃剣 ทับศัพท์jūken อย่างไรก็ตาม วิชาไอกิโด นำโครงสร้างเชิงเทคนิคมาจาก ศิลปะการฟันดาบ (เคนยุทสุ kenjutsu).[2]

อาจารย์อุเอชิบะ ย้ายไปอยุ๋ ฮอกไกโด จังหวัดฮกไกโด ในปี 1912 และเริ่มร่ำเรียน ภายใต้ อาจารย์ ทาเคดะ โซคาคุ Takeda Sokaku ในปี 1915 และได้ผูกพันกับ ศิลปะ ไดโต-ริว Daitō-ryū จนถึงปี 1937[10] แต่ทว่า ช่วงหลังในยุคนั้น อาจารย์อุเอชิบะ ได้เริ่มที่จะ ออกห่างจาก อาจารย์ ทาเคดะ และ ศิลปะ ไดโต-ริว ในตอนนั้น อาจารย์อุเอชิบะ เรียกศิลปะป้องกันตัวของตัวเองว่า "ไอคี บูโด" ไม่แน่ชัดว่า อาจารย์อุเอชิบะ เริ่มใช้ชื่อไอกิโดเมื่อใด แต่ก็กลายเป็นชื่อทางการของศิลปะนี้เมื่อ ค.ศ. 1942 เมื่อสมาคม เกรทเทอร์ แจแปน มาเชี่ยล เวอร์ชู โซไซตี้ (Dai Nippon Butoku Kai) ได้เข้าร่วมใน การจัดระเบียบ และ เข้าสู่ศูนย์กลางของศิลปะป้องกันตัวญี่ปุ่น ที่รัฐบาลให้การสนับสนุน [5]

อิทธิพลจากศาสนา

โอนิซาบุโร เดกูชิ Onisaburo Deguchi

เมื่ออาจารย์อุเอชิบะ ออกจาก ฮอกไกโด ในปี ค.ศ. 1919 เขาได้พบ และ ประทับใจ โอนิซาบุโร เดกูชิ Onisaburo Deguchi ผู้นำทางจิตวิญญานของ ศาสนา โอโมโตะ-เคียว Ōmoto-kyō (แนวชินโตยุคใหม่) ที่เมือง อายาเบะ Ayabe[12] หนึ่งในหลักของคำสอนของ โอโมโตะ-เคียว คือการให้ความสำคัญ ในการไปถึง ยูโทเปีย utopia หรือ ภาวะสมบูรณ์แบบให้ได้ก่อนตาย นี่เป็นอิทธิพลสำคัญ ต่ออาจารย์อุเอชิบะในด้านปรัชญาของการส่งต่อ ความรักและความเมตตา โดยเฉพาะผู้ที่ จะมาทำร้ายผู้อื่น ไอกิโด สาธิตปรัชญานี้ โดยเน้นการฝึกให้ชำนาญ เพื่อสามารถรับการจู่โจม และ ผันออกไปโดยไม่มีอันตราย ในสถานการณ์ที่สมบูรณ์แบบนอกจากผู้รับจะไม่เป็นอันตรายแล้ว ผู้ที่โจมตีก็ปลอดภัยด้วย[13]

นอกจากจะได้รับความรู้ทางจิตวิญญานแล้ว การได้รู้จัก เดกูชิ ทำให้อาจารย์อุเอชิบะ ได้เข้าถึง ขุนนางสูงศักดิ์ และทหารผู้ใหญ่ ทำให้ นอกจากจะได้การสนับสนุนทางการเงินแล้ว อาจารย์ยังได้ ลูกศิษย์ที่มีความสามารถ และศิษย์บางคน ก็จะได้ก่อตั้งไอกิโดในแบบต่างๆ ในเวลาต่อมา[14]

การถ่ายทอดไปสู่นานาชาติ

วิชาไอกิโด ถูกนำไปถ่ายทอดสู่นานาชาติในปี ค.ศ. 1951 โดย มิโนรุ โมชิซูกิ Minoru Mochizuki เมื่อไปเยือนประเทศ ฝรั่งเศส โดยเขาได้แนะนำเทคนิคไอกิโด ให้กับนักเรียนวิชายูโด [15] หลังจากนั้นก็มี ทาดาชิ อาเบะ Tadashi Abe ในปี 1952 ผู้ซึ่งมาอย่างเป็นทางการในนามของผู้แทน ไอคิไค ฮอมบู Aikikai Hombu และได้อาศัยในฝรั่งเศสเป็นเวลา 7 ปี ต่อมา เคนจิ โทมิกิ Kenji Tomiki ออกเดินทางกับผู้แทนของสายวิชาป้องกันตัวต่างๆ ไปที่ 15 รัฐในสหรัฐอเมริกาในปี 1953[14] ต่อมาในปีนั้น โคอิชิ โทเฮ Koichi Tohei เป็นตัวแทนของ ไอคิไค ฮอมบู ไปสอนที่รัฐฮาวาย รัฐฮาวาย เป็นเวลา 1 ปี โดยเขาได้ก่อตั้งโดโจ dojo สองสามแห่งที่นั่น และยังมี การกลับมาเยือนอีก และถือว่าเป็นการแนะนำไอกิโดอย่างเป็นทางการที่สหรัฐอเมริกา และที่สหราชอาณาจักร ในปี 1955; อิตาลี ในปี 1964 โดย ฮิโรชิ ทาดะ Hiroshi Tada และเยอรมนี ในปี 1965 โดย คัทซูกิ อาไซ Katsuaki Asai "ผู้แทนอย่างเป็นทางการของยุโรปและอาฟริกา" โดย อาจารย์โมริเฮ อุเอชิบะ, มาซามิจิ โนโร Masamichi Noro เดินทางมาถึง ฝรั่งเศส เดือน กันยายน ปี1961 เซอิชิ ซูกาโน Seiichi Sugano ได้รับการแต่งตั้งให้ แนะนำวิชาไอกิโดที่ ออสเตรเลีย ในปี 1965 ในวันนี้ มีโดโจสอนวิชาไอกิโดอยู่ทั่วโลก

การกำเนิดขึ้นของสไตล์ต่างๆ

ดูสารนิเทศเพิ่มเติมที่: Aikido styles
ดูเพิ่มเติมที่: List of aikidōka

องค์กรวิชาไอกิโดที่ใหญ่ที่สุดคือ มูลนิธิไอคิไค Aikikai Foundation ภายใต้การควบคุมของสมาชิกครอบครัวอุเอชิบะ แต่ทว่า วิชาไอกิโดมีหลากหลายสไตล์ แทบทั้งหมดเกิดจาก ศิษย์เอกของอาจารย์อุเอชิบะ [14]

สไตล์แรกที่ปรากฏ คือ โยเซกัง ไอกิโด Yoseikan Aikido ก่อตั้งขึ้นโดย มิโนรุ โมชิซูกิ Minoru Mochizuki ในปี ค.ศ. 1931[15] โยชินคัง ไอกิโด Yoshinkan Aikido ก่อตั้งขึ้นโดย โกโซ ชิโอดะ Gozo Shioda ในปี ค.ศ. 1955[16] และ โชโดกัง ไอกิโด Shodokan Aikido ก่อตั้งขึ้นโดย เคนจิ โทมิกะ Kenji Tomiki ในปี ค.ศ. 1967[17] การกำเนิดขึ้นของสไตล์ต่างๆ เกิดก่อนการเสียชีวิตของ อาจารย์อุเอชิบะ และไม่ทำให้เกิดความปั่นป่วน แต่ โชโดกังไอกิโด ก่อให้เกิดการโต้แย้ง ด้วยเหตุผลที่ให้มีการแข่งขัน ทำให้บางคนรู้สึกว่า เป็นการสวนทางกับ ปรัชญาของไอกิโด [14]

หลังการเสียชีวิตของ อาจารย์อุเอชิบะ ในปี ค.ศ. 1969 มีการก่อตั้งอีกสองสไตล์ มีการโต้เถียงเป็นอย่างมาก เมื่อมีการลาออกจาก ไอคิไค ฮอมบูโดโจ Aikikai Hombu Dojo ของอาจารย์ โคอิชิ โทเฮ Koichi Tohei ในปี ค.ศ. 1974 โทเฮลาออก เนื่องจากการไม่เห็นด้วยกับบุตรชายผู้ก่อตั้ง คิชโชมารู อุเอชิบะ Kisshomaru Ueshiba ผู้ซึ่งเป็นผู้นำ ในมูลนิธิไอคิไคตอนนั้น เรื่องที่ไม่เห็นด้วยคือ การพัฒนากำลังภายใน หรือ คิ ki ในการฝึกไอกิโด หลังจากโทเฮ ลาออกก็ได้ก่อตั้งสไตล์ ชื่อ ชิน ชิน โทอิทสุ ไอกิโด Shin Shin Toitsu Aikido และสมาคมดูแลชื่อ คิ โซไซตี้ Ki Society (Ki no Kenkyūkai)[18]

สไตล์สุดท้ายที่เกิดขึ้นหลังจากการเกศียนอายุของอาจารย์ อุเอชิบะ ที่เมือง อิวามะ อิบารากิ Iwama, Ibaraki และ วิธีการสอนของอาจารย์ โมริฮิโร ไซโต้ Morihiro Saito มีชื่อที่ไม่เป็นทางการว่า อิวามะ สไตล์ "Iwama style" และผู้ฝึกสไตล์นี้ได้ก่อตั้ง เครือข่ายของโรงเรียน ที่พวกเขาเรียกว่า อิวามะ ริว Iwama Ryu ถึงแม้ว่า ผู้ฝึกอิวามะสไตล์ จะดำรงอยู่เป็นส่วนหนึ่งกับ ไอคิไคจนกระทั่งการเสียชีวิตของอาจารย์ไซโต้ ในปี 2002 นักเรียนของอาจารย์ไซโต้ ภายหลังก็ได้แยกออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งดำรงอยู่กับ ไอคิไค Aikikai อีกกลุ่มตั้งสมาคมอิสระ ชิน ชิน ไอคิชิวเรน Shinshin Aikishuren Kai ในปี 2004 โดยดำรงอยู่กับบุตรชายของอาจารย์ไซโต้ ฮิโตฮิโร ไซโต้ Hitohiro Saito

ในวันนี้ สไตล์หลักๆ ของไอกิโด ต่างก็มีสมาคมดูแลและมีสำนักงานที่ ญี่ปุ่นและต่างประเทศ ญี่ปุ่น: headquarters โรมาจิ本部道場 ทับศัพท์honbu dōjō [14]

แหล่งที่มา

WikiPedia: ไอกิโด http://www.aikidojournal.com/?id=3104 http://www.aikidojournal.com/article.php?articleID... http://www.aikidojournal.com/article.php?articleID... http://www.aikidojournal.com/article.php?articleID... http://www.aikidojournal.com/article.php?articleID... http://www.aikidojournal.com/article?articleID=12 http://www.aikidojournal.com/article?articleID=123 http://www.aikidojournal.com/article?articleID=263 http://www.aikidojournal.com/article?articleID=7&h... http://www.aikidojournal.com/encyclopedia.php?entr...