ประวัติ ของ ไอริส-ที

หัวจรวดค้นหาตำแหน่ง

ในทรรศวรรษที่ 1980 ประเทศสมาชิกนาโต้ลงนามในบันทึกความตกลงว่าสหรัฐอเมริกาจะพัฒนาขีปนาวุธอากาศสู่อากาศพิสัยกลางเพื่อแทนที่ AIM-7 Sparrow ในขณะที่สหราชอาณาจักรและเยอรมนีจะพัฒนาขีปนาวุธอากาศสู่อากาศพิสัยใกล้ เพื่อแทนที่ AIM-9 Sidewinder สหรัฐอเมริกาได้ออกแบบและพัฒนา AIM-120 AMRAAM ในขณะที่สหราชอาณาจักร-เยอรมนีเริ่มออกแบบและพัฒนา AIM-132 ASRAAM

ASRAAM ได้ถือกำเนิดขึ้นในปี ค.ศ. 1970 ซึ่งออกแบบให้มีความคล่องแคล่วสูงที่เรียกว่า "Taildog" แต่ในปี 1974 การพัฒนาก็ต้องสิ้นสุดลงจากการที่ไม่มีคำสั่งซื้อ ซึ่งต่อมาเยอรมนีและสหราชอาณาจักรได้มีความพยายามที่จะรื้อแผนงานนี้ขึ้นมาอีกครั้ง ในช่วงเวลานั้น ความจำเป็นในการที่ขีปนาวุธจะต้องมีความคล่องแคล่วสูงได้ถูกลดระดับลง

AIM-120 ที่สหรัฐอเมริกาพัฒนานั้นสามารถปฏิบัติการในรัศมีมากกว่า 32 กิโลเมตร ในขณะที่ AIM-9 และ Taildog ยังพบช่องโหว่อีกมากที่ต้องเร่งแก้ไข แปลนขีปนาวุธเดิมได้ถูกนำมาใช้อีกครั้งในการผลิต แต่มีการปรับปรุงในบางรายละเอียด

ภายหลังจากที่เยอรมนีได้รวมประเทศในปี ค.ศ. 1990 เยอรมนีพบว่าตนเองนั้นมีขีปนาวุธ Vympel R-73 ของสหภาพโซเวียตอยู่มากมาย สำหรับใช้งานกับเครื่องบิน มิก-29 ซึ่งเป็นที่รับรู้ถึงประสิทธิภาพของมัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มันถูกค้นพบว่ามีความคล่องแคล่วกว่าเท่าตัวรวมถึงมีพิสัยทำการไกลกว่า AIM-9 ซึ่งข้อสรุปเหล่านี้เองทำให้​​เยอรมนีตั้งคำถามบางแง่มุมในการออกแบบของ ASRAAM ในส่วนของลำตัวซึ่งเป็นความรับผิดชอบของสหราชอาณาจักร ซึ่งต่อมานั้นส่งผลให้เยอรมนีและสหราชอาณาจักรไม่สามารถมาตกลงเกี่ยวกับการออกแบบของ ASRAAM ได้ ดังนั้นในปี ค.ศ. 1990 เยอรมนีถอนตัวออกจากโครงการ ASRAAM ในขณะที่สหราชอาณาจักรมีมติที่จะหาผู้ร่วมพัฒนาอื่นๆในการพัฒนา ASRAAM ต่อไป