ข้อบทหลัก ของ กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ_สังคม_และวัฒนธรรม

หลักการว่าด้วยการทำให้[สิทธิซึ่งรับรองไว้ในกติกานี้]กลายเป็นความจริงโดยลำดับ

ข้อ 2 แห่งกติกาฯ กำหนดให้ทุกภาคีมีหน้าที่ที่จะ

รับดำเนินการ ... โดยใช้ประโยชน์สูงสุดจากทรัพยากรที่มีอยู่ เพื่อให้สัมฤทธิ์ผลในการทำให้สิทธิซึ่งรับรองไว้ในกติกานี้กลายเป็นความจริงอย่างบริบูรณ์โดยลำดับด้วยวิธีทั้งปวงที่เหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งรวมทั้งการกำหนดมาตรการทางกฎหมายด้วย[14]

ข้อความข้างต้นเป็นที่รู้จักกันว่า หลักการแห่ง "การทำให้[สิทธิซึ่งรับรองไว้ในกติกานี้]กลายเป็นความจริงโดยลำดับ" ซึ่งได้รับรองสิทธิบางประการ (ตัวอย่างเช่น สิทธิในสุขภาพ) อาจบรรลุผลในทางปฏิบัติได้ยากในเวลาอันสั้น และว่ารัฐทั้งหลายอาจประสบกับข้อจำกัดด้านทรัพยากร แต่ได้กำหนดให้แต่ละรัฐดำเนินการอย่างดีที่สุดด้วยวิธีการของตน

หลักการดังกล่าวแตกต่างจากหลักการของ ICCPR ซึ่งผูกมัดภาคีให้ "เคารพและให้ความมั่นใจแก่บรรดาบุคคลทั้งปวงในอาณาเขตของตน และภายใต้เขตอำนาจของตน" ถึงสิทธิในอนุสัญญานั้น[15] อย่างไรก็ดี หลักการดังกล่าวมิได้ยอมให้กติกานี้ไร้ความหมายไปทีเดียว ข้อกำหนดในการ "รับดำเนินการ" กำหนดให้มีภาระผูกพันต่อเนื่องในการทำงานมุ่งสู่การทำให้สิทธิทั้งหลายกลายเป็นจริง[16] หลักการดังกล่าวยังไม่ยอมรับมาตรการถดถอยซึ่งประวิงเป้าหมายนั้น คณะกรรมาธิการว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรมยังได้ตีความหลักการดังกล่าวว่า การกำหนดข้อผูกมัดขั้นต่ำนั้นเป็นไปเพื่อให้มีการมอบสิทธิต่าง ๆ อย่างน้อยในระดับขั้นต่ำซึ่งขาดเสียมิได้[17] หากทรัพยากรเป็นข้อจำกัดอย่างมากแล้ว หลักการดังกล่าวควรรวมไปถึงการใช้โครงการเป้าหมายซึ่งมุ่งไปยังผู้ด้อยโอกาส[18]

คณะกรรมาธิการว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรมพิจารณาการออกกฎหมายว่าเป็นวิธีการจำเป็นในการทำให้สิทธิกลายเป็นความจริง ซึ่งไม่น่าถูกจำกัดโดยข้อจำกัดด้านทรัพยากร การวางข้อบทต่อต้านการเลือกปฏิบัติและการสถาปนาสิทธิซึ่งใช้บังคับได้พร้อมการเยียวยาทางกฎหมายภายในระบบกฎหมายแห่งชาติถูกพิจารณาว่าเป็นวิธีการที่เหมาะสม ข้อบทบางประการ อาทิ กฎหมายต่อต้านการเลือกปฏิบัติ ถูกกำหนดภายใต้ตราสารสิทธิมนุษยชนอื่น ๆ แล้ว อย่างเช่น ICCPR[19]

สิทธิแรงงาน

ข้อ 6 ของกติกาฯ รับรองสิทธิในการทำงาน นิยามว่าเป็นโอกาสของทุกคนในการหาเลี้ยงชีพตนด้วยงานที่มีสิทธิเลือกอย่างเสรีหรือได้รับการยอมรับ[20] ภาคีถูกกำหนดให้ดำเนิน "ขั้นตอนที่เหมาะสม" ในการคุ้มครองสิทธินี้ รวมถึงการฝึกทั้งทางเทคนิคและวิชาชีพและนโยบายเศรษฐกิจซึ่งมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องและส่งผลให้เกิดการจ้างงานเต็มที่ในท้ายที่สุด สิทธินี้บอกเป็นนัยว่า ภาคีทั้งหลายต้องประกันการเข้าถึงการจ้างงานอย่างเท่าเทียม และคุ้มครองกรรมกรจากการถูกกีดกันจากการจ้างงานโดยไม่เป็นธรรม รัฐภาคีจะต้องป้องกันมิให้เกิดการเลือกปฏิบัติในที่ทำงานและรับรองการเข้าถึงแก่ผู้ด้อยโอกาส[21] ข้อเท็จจริงที่ว่างานจะต้องถูกเลือกหรือได้รับการยอมรับอย่างเสรี หมายความว่า ภาคีจะต้องห้ามแรงงานบังคับหรือแรงงานเด็ก[22]

งานที่หมายถึงในข้อ 6 จะต้องเป็นงานที่มีคุณค่า (decent work)[23] โดยมีการนิยามอย่างมีผลในข้อ 7 แห่งกติกาฯ ซึ่งรับรองสิทธิแก่ทุกคนในสภาพการทำงานที่ "ยุติธรรมและน่าพึงพอใจ" จากข้อความดังกล่าวจึงตีความได้ว่า แรงงานจะต้องได้รับค่าจ้างที่เป็นธรรมและค่าตอบแทนที่เท่าเทียมกันสำหรับงานที่มีคุณค่าเท่ากัน (equal pay for equal work) เพียงพอจะให้ค่าจ้างที่สมควรแก่แรงงานและผู้อยู่ในอุปการะ สภาพการทำงานที่ปลอดภัย โอกาสที่เท่าเทียมในที่ทำงาน และการพักผ่อนและเวลาว่าง ข้อจำกัดเรื่องเวลาทำงานและวันหยุดเป็นครั้งคราวโดยได้รับค่าตอบแทน

ข้อ 8 รับรองสิทธิของแรงงานในการก่อตั้งหรือเข้าร่วมสหภาพแรงงาน และคุ้มครองสิทธิในการประท้วงหยุดงาน แต่ยังอนุญาตให้จำกัดสิทธิเหล่านี้แก่สมาชิกของกองทัพ ตำรวจหรือฝ่ายบริหารของรัฐ หลายภาคีได้ขอสงวนสิทธิในข้อความนี้ โดยอนุญาตให้ข้อความดังกล่าวตีความไปในทางที่เข้ากันได้กับรัฐธรรมนูญของภาคีนั้น (จีนและเม็กซิโก) หรือขยายการจำกัดสิทธิสหภาพแก่กลุ่ม อย่างเช่น เจ้าหน้าที่ดับเพลิง (ญี่ปุ่น)[1]

สิทธิที่จะมีสวัสดิการสังคม

ข้อ 9 ของกติกาฯ รับรอง "สิทธิของทุกคนในอันที่จะมีสวัสดิการสังคม รวมทั้งการประกันสังคม"[24] ซึ่งกำหนดให้ภาคีจัดหาแผนการประกันสังคมบางรูปแบบเพื่อคุ้มครองบุคคลต่อความเสี่ยงต่อโรคภัยไข้เจ็บ ความพิการ การผดุงครรภ์ การบาดเจ็บจากการจ้างงาน การว่างงานหรือวัยสูงอายุ เพื่อจัดหาแก่ผู้รอดชีวิต กำพร้า และผู้ซึ่งไม่สามารถชำระค่าบริการสาธารณสุขได้ และเพื่อประกันว่าครอบครัวจะได้รับการสนับสนุนอย่างเพียงพอ ประโยชน์จากแผนการดังนี้จะต้องเพียงพอ ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ และจัดหาให้โดยปราศจากการเลือกปฏิบัติ[25] กติกาฯ ไม่ได้จำกัดรูปแบบของแผนการ และทั้งแผนการที่ผู้ได้รับประโยชน์จ่ายเงินเพื่อเอาประกันและไม่จ่ายเงิน (contributory and non-contributory schemes) ล้วนได้รับอนุญาต[26]

คณะกรรมาธิการว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรมได้ชี้ปัญหาเรื้อรังกับการนำสิทธินี้ไปปฏิบัติ โดยมีระดับการเข้าถึงต่ำมาก[27]

ภาคีหลายประเทศ รวมทั้งฝรั่งเศสและโมนาโก มีข้อสงวนสิทธิ์ในการอนุญาตให้ประเทศทั้งสองวางข้อกำหนดการอยู่อาศัยเพื่อให้เหมาะสมกับผลประโยชน์ทางสังคม คณะกรรมาธิการว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรมอนุญาตการจำกัดเช่นนั้น ด้วยเหตุว่า การจำกัดเหล่านั้นได้สัดส่วนและสมเหตุสมผล[28]

สิทธิในชีวิตครอบครัว

ข้อ 10 แห่งกติกาฯ รับรองว่าครอบครัวเป็น "หน่วยรวมของสังคมที่เป็นพื้นฐานและเป็นธรรมชาติ" และกำหนดให้ภาคียินยอมที่จะ "คุ้มครอง และช่วยเหลืออย่างกว้างขวางที่สุดเท่าที่จะทำได้"[29] ภาคีจะต้องประกันว่าพลเมืองของตนมีเสรีภาพในการจัดตั้งครอบครัว และการสมรสจะต้องได้รับการยินยอมอย่างเสรีจากคู่สมรสและไม่ถูกบังคับ[30] ภาคียังต้องอนุญาตให้ลาโดยได้รับค่าจ้าง (paid leave) หรือการประกันสังคมที่เพียงพอแก่มารดาทั้งก่อนและหลังการกำเนิดบุตร อันเป็นข้อผูกมัดซึ่งซ้ำซ้อนกับข้อ 9 ท้ายสุด ภาคีจะต้องดำเนิน "มาตรการพิเศษ" เพื่อคุ้มครองเด็กจากการแสวงหาผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจหรือสังคม รวมทั้งกำหนดอายุขั้นต่ำในการจ้างงานและห้ามเด็กมิให้ทำงานที่อันตรายและเป็นโทษ[31]

สิทธิในมาตรฐานการครองชีพที่เพียงพอ

ข้อ 11 รับรองสิทธิของทุกคนในมาตรฐานการครองชีพที่เพียงพอ ซึ่งรวมไปถึง แต่ไม่จำกัดเฉพาะ สิทธิในอาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัยอย่างเพียงพอ และ "สภาพการครองชีพที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง"[32] นอกจากนี้ยังผูกมัดให้ภาคีทำงานร่วมกันเพื่อขจัดความหิวโหยในระดับโลก

สิทธิในอาหารที่เพียงพอ หรือที่รู้จักกันว่า สิทธิในอาหาร ถูกตีความว่า กำหนดให้มี "การหามาได้ของอาหารในปริมาณและคุณภาพที่เพียงพอจะตอบสนองความต้องการด้านอาหารของปัจเจกบุคคล ปลอดภัยจากสสารอันตราย และยอมรับได้ในวัฒนธรรมของตน"[33] สิทธิในอาหารนี้จะต้องสามารถเข้าถึงทุกคน พร้อมบอกข้อผูกมัดเป็นนัยให้จัดหาโครงการพิเศษสำหรับผู้ด้อยโอกาส[34] สิทธิในอาหารที่เพียงพอยังรวมไปถึงสิทธิในน้ำด้วย[35]

สิทธิในที่อยู่อาศัยที่เพียงพอ หรือที่รู้จักกันว่า สิทธิในที่อยู่อาศัย เป็น "สิทธิที่จะอาศัยอยู่ที่ใดที่หนึ่งด้วยความปลอดภัย สันติและมีศักดิ์ศรี"[36] สิทธินี้กำหนด "ความเป็นส่วนตัวอย่างพอเพียง ที่ว่างอย่างพอเพียง ความปลอดภัยอย่างพอเพียง แสงสว่างและการระบายอากาศอย่างพอเพียง สาธารณูปโภคพื้นฐานอย่างพอเพียง และตำแหน่งที่พอเหมาะเมื่อเทียบกับที่ทำงานและสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐาน ซึ่งทั้งหมดนี้ ด้วยมูลค่าที่สมเหตุสมผล"[36] ภาคีต้องประกันความปลอดภัยในสิทธิถือครอง และการเข้าถึงนั้นปราศจากการเลือกปฏิบัติ และดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อกำจัดภาวะไร้ที่อยู่อาศัย การรอนสิทธิที่ถูกบังคับ ซึ่งนิยามว่าเป็น "การเพิกถอนอย่างถาวรหรือชั่วคราวซึ่งขัดต่อเจตจำนงของปัจเจกบุคคล ครอบครัว และ/หรือ ชุมชน จากบ้าน และ/หรือ ที่ดินซึ่งพวกเขาถือครอง โดยปราศจากการจัดไว้ชั่วคราว และการเข้าถึง รูปแบบการคุ้มครองทางกฎหมายหรืออื่น ๆ อย่างเหมาะสม" เป็นการละเมิดกติกาฯ อย่างมีมูล[37]

สิทธิในสุขภาพ

ข้อ 12 แห่งกติกาฯ รับรองสิทธิของทุกคนที่จะมี "สุขภาพกายและสุขภาพจิตตามมาตรฐานสูงสุดเท่าที่เป็นได้"[38] คำว่า "สุขภาพ" เป็นที่เข้าใจว่ามิใช่เพียงสิทธิในการมีสุขภาพดีเท่านั้น แต่ยังเป็นสิทธิที่จะควบคุมสุขภาพและร่างกาย (รวมทั้งการสืบพันธุ์) ของตนเอง และเป็นอิสระจากการแทรกแซง เช่น การทรมานหรือการทดลองทางการแพทย์[39] รัฐต้องคุ้มครองสิทธินี้โดยทำให้แน่ใจว่าทุกคนในเขตอำนาจของตนเข้าถึงปัจจัยสุขภาพที่จำเป็น เช่น น้ำสะอาด สุขอนามัย อาหาร สารอาหารและที่อยู่อาศัย และผ่านระบบสาธารณสุขอย่างครอบคลุม ซึ่งทุกคนเข้าถึงได้โดยปราศจากการเลือกปฏิบัติ และทุกคนเข้าถึงได้อย่างประหยัด[40]

ข้อ 12.2 กำหนดให้ภาคีดำเนินการโดยเฉพาะเพื่อพัฒนาสุขภาพของพลเมืองของตน รวมทั้งลดอัตราการตายของทารก และพัฒนาสุขภาพเด็ก, พัฒนาสุขลักษณะทางสิ่งแวดล้อมและที่ทำงาน, ป้องกัน รักษาและควบคุมโรคระบาด และสร้างสภาวะที่ประกันบริการทางการแพทย์ที่เท่าเทียมและทันท่วงทีแก่ทุกคน ซึ่งทั้งหมดนี้ถูกมองว่าเป็น "ตัวอย่างไม่ละเอียดที่เป็นตัวอย่างประกอบ" มากกว่าเป็นคำประกาศข้อผูกมัดของภาคี[41]

สิทธิในสุขภาพยังถูกตีความว่ากำหนดให้ภาคียอมรับสิทธิสืบพันธุ์ของสตรี โดยไม่จำกัดการเข้าถึงการคุมกำหนด หรือข้อมูล "ที่เซ็นเซอร์ ระงับหรือจงใจแถลงเป็นเท็จ" เกี่ยวกับสุขภาพทางเพศ[42] ภาคียังต้องประกันว่าสตรีได้รับการคุ้มครองจากวิถีปฏิบัติท้องถิ่นที่เป็นโทษ เช่น การขลิบอวัยวะเพศสตรี[43]

สิทธิในการศึกษาแบบให้เปล่า

ข้อ 13 แห่งกติกาฯ รับรองสิทธิของทุกคนในการศึกษาแบบให้เปล่า (ให้เปล่าสำหรับระดับประถมศึกษา และ "การนำการศึกษาแบบให้เปล่ามาใช้อย่างค่อยเป็นค่อยไป" สำหรับระดับมัธยมศึกษาและระดับสูงขึ้น) เพื่อมุ่งให้เกิด "การพัฒนาบุคลิกภาพของมนุษย์และความสำนึกในศักดิ์ศรีของตนอย่างบริบูรณ์"[13] และให้ทุกคนมีส่วนร่วมในสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ การศึกษานั้นถูกมองว่าเป็นทั้งสิทธิมนุษยชนและ "วิธีอันหลีกเลี่ยงไม่ได้ในความเคารพสิทธิมนุษยชนอื่น" และดังนี้เป็นหนึ่งในข้อที่ยาวที่สุดและสำคัญที่สุดในกติกาฯ[44]

ข้อ 13.2 ลงรายการขั้นตอนเฉาะที่ภาคีต้องดำเนินการเพื่อรับรองสิทธิในการศึกษา เหล่านี้รวมไปถึงการจัดการศึกษาขั้นประถมแบบให้เปล่า ภาคบังคับ และเป็นการทั่วไป, การศึกษาขั้นมัธยม "ให้มีขึ้นโดยทั่วไป และให้ทุกคนมีสิทธิได้รับ" ในหลายรูปแบบ (รวมทั้งมัธยมทางเทคนิคศึกษาและอาชีวศึกษา) และการศึกษาขั้นอุดมที่เข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม เหล่านี้ทั้งหมดจะต้องให้มีแก่ทุกคนโดยปราศจากการแบ่งแยก ภาคียังต้องพัฒนาระบบโรงเรียน ซึ่งอาจเป็นรัฐบาล เอกชนหรือผสม สนับสนุนหรือจัดหาทุนการศึกษาให้แก่ผู้ด้อยโอกาส ภาคีถูกกำหนดให้ต้องจัดหาการศึกษาแบบให้เปล่าแก่ทุกระดับ ซึ่งอาจเป็นโดยทันทีหรือค่อยเป็นค่อยไป "การศึกษาขั้นประถมจะต้องเป็นการศึกษาภาคบังคับและจัดให้ทุกคนแบบให้เปล่า", การศึกษาขั้นมัธยม "ให้มีขึ้นโดยทั่วไป และให้ทุกคนมีสิทธิได้รับโดยวิธีการที่เหมาะสมทุกทาง และโดยเฉพาะอย่างยิ่งโดยการนำการศึกษาแบบให้เปล่ามาใช้อย่างค่อยเป็นค่อยไป" และ "ทุกคนจะต้องสามารถได้รับการศึกษาขั้นอุดมศึกษาอย่างเท่าเทียมกันบนพื้นฐานของความสามารถ โดยวิธีการที่เหมาะสมทุกทาง และโดยเฉพาะอย่างยิ่งโดยการนำการศึกษาแบบให้เปล่ามาใช้อย่างค่อยเป็นค่อยไป"

ข้อ 13.3 และ 13.4 กำหนดให้ภาคีเคารพเสรีภาพของผู้ปกครองในการเลือกและจัดตั้งสถาบันการศึกษาเอกชนแก่เด็กของตน ซึ่งยังหมายถึง เสรีภาพการศึกษา ข้อดังกล่าวยังรับรองสิทธิของผู้ปกครองเพื่อ "ประกันให้การศึกษาทางศาสนาและศีลธรรมของเด็กเป็นไปโดยสอดคล้องกับความเชื่อถือของตน"[45] ซึ่งข้อความดังกล่าวถูกตีความว่าเป็นการกำหนดให้โรงเรียนรับาลเคารพเสรีภาพทางศาสนาและมโนธรรมแห่งนักเรียนของตน และเช่นเดียวกับการห้ามการสอนในศาสนาหนึ่งหรือระบบความเชื่อหนึ่งโดยเฉพาะ เว้นแต่จะมีการไม่ยกเว้นไม่แบ่งแยกและทางเลือก[46]

คณะกรรมาธิการว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรมตีความกติกาฯ ว่ายังกำหนดให้รัฐเคารพเสรีภาพทางวิชาการของเจ้าหน้าที่และนักเรียน เนื่องด้วยเป็นสิ่งสำคัญสำหรับกระบวนการการศึกษา[47] คณะกรรมาธิการฯ ยังพิจารณาว่าการลงโทษทางกายในโรงเรียนขัดกับหลักการสำคัญในศักดิ์ศรีของแต่ละบุคคลของกติกาฯ[48]

ข้อ 14 แห่งกติกาฯ กำหนดให้ภาคีซึ่งยังไม่ได้จัดระบบการศึกษาขั้นประถมภาคบังคับแบบให้เปล่า จัดทำแผนปฏิบัติการโดยละเอียดเพื่อให้เกิดความคืบหน้า "ภายในระยะเวลาที่สมเหตุสมผล"[49]

สิทธิที่จะมีส่วนร่วมทางวัฒนธรรม

ข้อ 15 แห่งกติกาฯ รับรองสิทธิของทุกคนที่จะมีส่วนร่วมในชีวิตวัฒนธรรม อุปโภคสิทธิประโยชน์แห่งความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ และได้รับสิทธิประโยชน์จากการคุ้มครองผลประโยชน์ทางด้านศีลธรรมและวัตถุอันเกิดจากการผลิตทางวิทยาศาสตร์ วรรณกรรม หรือศิลปกรรมซึ่งตนเป็นผู้สร้างสรรค์ ข้อความหลังนี้บางครั้งถูกมองว่ากำหนดการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา แต่คณะกรรมาธิการว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรมตีความว่าเป็นการคุ้มครองสิทธิทางศีลธรรมของผู้สร้างสรรค์และ "ประกาศคุณลักษณะส่วนบุคคลภายในของทุกผลงานสร้างสรรค์จากจิตใจมนุษย์ และรับรองความเชื่อมโยงระหว่างผู้สร้างสรรค์กับผลงานสร้างสรรค์ของพวกเขาอย่างคงทน"[50] ข้อความนี้จึงกำหนดให้ภาคีเคารพสิทธิของผู้ประพันธ์ที่จะได้รับการรับรองว่าเป็นผู้สร้างสรรค์ผลงาน สิทธิทางวัตถุถูกตีความว่าเป็นส่วนหนึ่งของสิทธิในมาตรฐานการครองชีพที่เพียงพอ และ "ไม่จำเป็นต้องขยายเวลาเกินทั้งช่วงชีวิตของผู้ประพันธ์"[51]

ภาคียังต้องดำเนินการเพื่อสนับสนุนการอนุรักษ์ พัฒนาและเผยแพร่ซึ่งวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรม, "เคารพเสรีภาพซึ่งขาดไม่ได้แก่การวิจัยทางวิทยาศาสตร์และกิจกรรมสร้างสรรค์"[52] และสนับสนุนสัญญาระหว่างประเทศและความร่วมมือกันในสาขาเหล่านั้น

ใกล้เคียง

กติกาฟุตบอล กติกาสัญญาวอร์ซอ กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม กติกาสัญญาต่อต้านโคมินเทิร์น กติกาสัญญาความเป็นกลางโซเวียต–ญี่ปุ่น กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง กติกาสัญญาโมโลตอฟ–ริบเบินทร็อพ กติกาสัญญาไตรภาคี กติกาสัญญาเหล็ก กติกาสัญญาเคลลอก–บริยอง

แหล่งที่มา

WikiPedia: กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ_สังคม_และวัฒนธรรม http://www.unhchr.ch/html/menu6/2/fs16.htm#6 http://www.unhchr.ch/html/menu6/2/fs2.htm http://www.unhchr.ch/huricane/huricane.nsf/view01/... http://www.unhchr.ch/huricane/huricane.nsf/view01/... http://www.unhchr.ch/tbs/doc.nsf/(Symbol)/3d02758c... http://www.unhchr.ch/tbs/doc.nsf/(Symbol)/40d00990... http://www.unhchr.ch/tbs/doc.nsf/(Symbol)/469f4d91... http://www.unhchr.ch/tbs/doc.nsf/(Symbol)/959f71e4... http://www.unhchr.ch/tbs/doc.nsf/(Symbol)/ae1a0b12... http://www.unhchr.ch/tbs/doc.nsf/(symbol)/CESCR+Ge...