กรณีมายาเกวซ (
อังกฤษ: Mayaguez incident) เป็น
ปฏิบัติการทางทหารของ
สหรัฐที่รวดเร็ว และเกิดขึ้นเพียง 3 วัน ระหว่างวันที่ 13–15 พฤษภาคม ค.ศ. 1975 แต่ได้ส่งผลกระทบต่อ
การเมืองยังภูมิภาค
อินโดจีนเวลาประมาณ 15.20 น. ของวันที่ 12 พฤษภาคม เรือบรรทุกสินค้าซึ่งใช้บรรทุกเวชภัณฑ์และเสบียงสัญชาติ
อเมริกันชื่อ
เอสเอส มายาเกวซ (SS Mayaguez) ซึ่งแล่นระหว่าง
ฮ่องกงกับ
ประเทศไทย ขณะที่แล่นอยู่ห่างจาก
ชายฝั่งของ
ประเทศกัมพูชาเพียง 60 ไมล์ ซึ่งถือเป็นเขตน่านน้ำสากล ได้ถูกเรือปืนจำนวนหลายลำของ
กัมพูชาประชาธิปไตย (
เขมรแดง) เข้าล้อมและบุกยึด จับตัวประกันซึ่งเป็นกัปตันและลูกเรือไว้ได้ทั้งหมด 39 คน จากนั้นได้ลากไปจอดลอยลำทิ้งสมอไว้ที่
เกาะตาง ใกล้กับเมือง
กำปงโสม (เมืองพระสีหนุในปัจจุบัน)การกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นการหยามหน้ารัฐบาลสหรัฐอย่างรุนแรง และด้วยขณะนั้น
สงครามเวียดนามเพิ่งยุติลงได้เพียงไม่กี่วัน เนื่องจากการที่กองทัพเขมรแดงและ
เวียดนามเหนือสามารถ
บุกยึดกรุงไซง่อน ประเทศเวียดนามใต้ และ
กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ได้อย่างเบ็ดเสร็จ ถือเป็นชัยชนะครั้งใหญ่ของ
ลัทธิคอมมิวนิสต์ และเป็นความพ่ายแพ้ครั้งประวัติศาสตร์ของกองทัพสหรัฐรัฐบาลสหรัฐโดย
ประธานาธิบดีเจอรัลด์ ฟอร์ด ได้ตัดสินใจอย่างเร่งด่วนส่งกองกำลังทหารซึ่งส่วนมากเป็น
นาวิกโยธินประมาณ 1,000 นาย จาก
เกาะโอกินาวะและ
อ่าวซูบิก เข้าประจำการที่
สนามบินอู่ตะเภาในพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อใช้เป็นฐานในการปฏิบัติการบุกยึดเรือและตัวประกันคืน ในวันที่ 13 พฤษภาคม โดยปฏิบัติการเริ่มขึ้นในเช้ามืดของวันที่ 14 พฤษภาคม โดยมีเครื่องบินรบจากฐานทัพอเมริกันที่
จังหวัดอุดรธานีและ
นครราชสีมาออกปฏิบัติการร่วมด้วย และประสบความสำเร็จในเวลาประมาณ 11.00 น. โดยสามารถจมเรือปืนของเขมรแดงลงได้ 3 ลำ มีความสูญเสียด้วยกันของทั้งสองฝ่าย แต่สามารถช่วยเหลือตัวประกัน รวมถึงลูกเรือประมงของไทยจำนวน 5 คนออกมาได้ทว่าปฏิบัติการดังกล่าว ทางสหรัฐมิได้กระทำการแจ้งอย่างเป็นทางการแก่รัฐบาลไทย อันถือเป็นการละเมิดอธิปไตยของไทย ในวันที่ 17 พฤษภาคม ได้มีกลุ่มนักศึกษาและประชาชนจำนวน 10,000 คน และเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เป็น 30,000 คน นำโดย
ธีรยุทธ บุญมี ทำการประท้วงที่หน้า
สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย ถนนวิทยุ อย่างรุนแรง โดยประณามการกระทำของสหรัฐว่าเป็น
จักรวรรดินิยมอเมริกันที่คุกคามภูมิภาคแถบนี้ ซึ่งก่อนหน้านั้นได้มีการชุมนุมลักษณะเช่นนี้และมีความพยายามเคลื่อนไหวที่จะให้มีการถอนกำลังทหารของสหรัฐออกจากประเทศไทยมาแล้ว โดยรัฐบาลไทยได้ขีดเส้นตายว่า สหรัฐต้องถอนกำลังทหารออกจากประเทศไทยให้หมดภายใน 18 เดือน และการชุมนุมประท้วงครั้งนี้นับว่าเป็นการเคลื่อนไหวของภาคประชาชนครั้งใหญ่ที่สุดหลังจาก
เหตุการณ์ 14 ตุลา เมื่อ 2 ปีก่อนรัฐบาลไทยโดย
นายกรัฐมนตรีหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช ได้ตอบโต้สหรัฐด้วยการขอให้ทางการสหรัฐทำหนังสือขอโทษมาอย่างเป็นทางการ และจะมีการพิจารณาทบทวนข้อตกลงต่าง ๆ ระหว่างกัน และพลตรี
ชาติชาย ชุณหะวัณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้มีคำสั่งเรียกตัว
อานันท์ ปันยารชุน เอกอัครราชทูตไทยประจำสหรัฐกลับด่วนในที่สุดเหตุการณ์จบลงในวันที่ 19 พฤษภาคม หลังจากการชุมนุมยืดเยื้อนานถึง 3 วัน เมื่ออุปทูตสหรัฐประจำประเทศไทยได้ส่งสาสน์แสดงความเสียใจต่อการกระทำดังกล่าว ต่อมา ในเดือนธันวาคมปีเดียวกัน
เครื่องบินรบรุ่น
เอฟ-4 ลำสุดท้ายก็ได้บินออกจากสนามบินกองทัพอากาศอุดรธานี ถือเป็นการปิดฉากการประจำการทางทหารของสหรัฐในประเทศไทยอย่างเด็ดขาด
[2][3]