กลุ่มอาการเรตต์ (
อังกฤษ: Rett syndrome) ซึ่งเดิมใช้ว่า
ภาวะเลือดมีแอมโมเนียมากสมองฝ่อ (cerebroatrophic hyperammonemia) เป็นความผิดปรกติทางประสาทวิทยาหลังคลอดทางพันธุกรรมพบน้อยของ
เนื้อเทาของสมอง ซึ่งพบเกือบทั้งหมดในหญิง แต่มีพบในผู้ป่วยชาย ลักษณะคลินิกมีมือเท้าเล็กและอัตราการเติบโตของศีรษะลดลง (บ้างมี
หัวเล็กเกิน) สังเกตการเคลื่อนไหวของมือแบบฉบับซ้ำ ๆ เช่น บีบบิด (wringing) และ/หรือ การเอามือใส่ปากซ้ำ ๆ ได้ ผู้ป่วยกลุ่มอาการเรตต์เสี่ยงต่อความผิดปรกติทางระบบทางเดินอาหารและมี
การชักได้ถึง 80% ตรงแบบ ผู้ป่วยไม่มีทักษะการพูด และประมาณ 50% เดินไม่ได้ กระดูกสันหลังคด ไม่เติบโต และท้องผูกพบมากและอาจเป็นปัญหาได้ อาการแสดงของความผิดปกตินี้สับสนได้ง่ายกับอาการแสดงของกลุ่มอาการแอนเจิลมัน อัมพาตสมองใหญ่และ
โรคออทิซึม กลุ่มอาการเรตต์เกิดในประมาณ 1:10,000 การเกิดรอดหญิงในทุกภูมิศาสตร์ และทุกเชื้อชาติเผ่าพันธุ์ใน DSM-IV-TR กลุ่มอาการเรตต์แสดงรายการใต้ประเภทความผิดปกติของพัฒนาการที่กระจายไปทุกด้าน (pervasive developmental disorder) ร่วมกับสเปกตรัมออทิซึม (autism spectrum disorder) และความผิดปกติที่ทำให้ไม่มีบูรณภาพในวัยเด็ก (childhood disintegrative disorder) บ้างแยกว่า การจำแนกมาอยู่กลุ่มนี้ผิด เช่นเดียวกับความผิดปกติมิใช่ออทิซึมอย่างกลุ่มอาการเอ็กซ์เปราะ (fragile X syndrome) ภาวะปุ่มแข็ง (tuberous sclerosis) หรือ
กลุ่มอาการดาวน์ซึ่งสามารถเห็นลักษณะออทิซึมได้ มีการเสนอให้ถอนโรคนี้ออกจาก DSM-5 เนื่องจากมีสมุฏฐานจำเพาะแอนเดรียส เรตต์ (Andreas Rett) กุมารแพทย์ชาวออสเตรีย อธิบายโรคนี้ครั้งแรกเมื่อ ค.ศ. 1966 Huda Zoghbi แสดงใน ค.ศ. 1999 ว่า กลุ่มอาการเรตต์เกิดจากการกลายพันธุ์ของยีน MECP2