การกลายเป็นรากษส ของ กัลมาษบาท

คำสาปของศักติ

มหาภารตะ ว่า ครั้งหนึ่ง พระเจ้ากัลมาษบาทประพาสป่าล่าสัตว์ เสด็จมาถึงทางแคบ ทรงพบศักติมหาฤษี บุตรหัวปีของฤษีวสิษฐะ แต่ไม่ทรงหลีกทางให้ เพราะถือว่า พระองค์ทรงอยู่ในวรรณะกษัตริย์ซึ่งสูงกว่าวรรณะนักบวช ส่วนฤษีศักติก็ไม่หลีกทางให้พระองค์เช่นกัน พระเจ้ากัลมาษบาทพิโรธ ทรงตีฤษีศักติด้วยแส้ในพระหัตถ์ ฤษีศักติจึงสาปให้พระองค์ต้องทรงติดอยู่ในป่า 16 ปี เมื่อฤษีวิศวามิตร คู่แข่งของฤษีวสิษฐะ ทราบเรื่อง จึงส่งรากษสตนหนึ่งไปสิงพระเจ้ากัลมาษบาท เพื่อใช้พระองค์บ่อนทำลายโคตรวงศ์ของฤษีวสิษฐะ ด้วยอำนาจของรากษสที่มาสิงสู่อยู่ในพระองค์ พระเจ้ากัลมาษบาททรงออกล่ามนุษย์เอาเนื้อมาเซ่นสรวงพราหมณ์ จึงทรงกลายเป็นรากษสกินเนื้อมนุษย์ในที่สุด[1][6][7]

คำสาปของวสิษฐะ

ใน ศิวปุราณะ และในภาค อุตตรกัณฑ์ ของ รามายณะ มีเนื้อหาว่า ฤษีวสิษฐะสาปพระเจ้ากัลมาษบาท โดย อุตตรกัณฑ์ ว่า ครั้งหนึ่งขณะเสด็จป่าล่าสัตว์ พระเจ้ากัลมาษบาททรงประหารรากษสตนหนึ่งซึ่งแปลงกลายเป็นลูกเสือ เพื่อนตนอื่น ๆ ของรากษสนั้นจึงคืนร่างแล้วประกาศจะล้างแค้นแทนเพื่อน ส่วน ภาควตปุราณะ และ ศิวปุราณะ ว่า รากษสที่คืนร่างนั้นมิใช่เพื่อน แต่เป็นน้องชายหรือพี่ชาย และไม่ได้ระบุเกี่ยวกับการแปลงกลายเป็นเสือ[3][1] ขณะที่ วิษณุปุราณะ ว่า เป็นยักษ์ มิใช่รากษส[1]

เมื่อเสด็จกลับพระนคร พระเจ้ากัลมาษบาททรงเชิญฤษีวสิษฐะมาร่วมพิธีอัศวเมธ รากษสที่ว่าจะล้างแค้นจึงแปลงตัวเป็นฤษีวสิษฐะมาทูลว่า ตนประสงค์จะบริโภคเนื้อ ขอให้พระองค์จัดมาถวายถึงอาศรมด้วยเถิด แต่ตามปรกติแล้ว นักบวชไม่บริโภคเนื้อ เมื่อพระเจ้ากัลมาษบาทเสด็จพร้อมด้วยพระมเหสีมาถวายเนื้อต่อฤษีวสิษฐะถึงอาศรม ฤษีจึงมองว่า เป็นการดูถูกเหยียดหยาม และสาปให้พระเจ้ากัลมาษบาทกลายเป็นรากษส[1]

ส่วน ภาควตปุราณะ, วิษณุปุราณะ, และ ศิวปุราณะ ว่า รากษสล้างแค้นด้วยการแปลงตนเป็นพราหมณ์เข้าไปในครัวหลวง เมื่อฤษีวสิษฐะมาถึงพระราชวังเพื่อร่วมพิธีสารท รากษสตนนั้นก็ปรุงเนื้อมนุษย์มาถวายฤษี กล่าวว่า เป็นของจากพระมหากษัตริย์ ฤษีจึงโกรธ สาปให้พระเจ้ากัลมาษบาทกลายเป็นรากษสกินเนื้อมนุษย์ ต้องเร่ร่อนอยู่ในป่าเรื่อยไป พระเจ้ากัลมาษบาทเห็นว่า พระองค์มิได้กระทำผิดอันใด ฤษีจึงให้พระองค์กลายเป็นรากษสไปร่อนเร่อยู่ในป่าเป็นเวลา 12 ปีแทน พระเจ้ากัลมาษบาทไม่พอพระทัย ทรงคว้าน้ำมาสาปและจะสาดใส่ฤษีวสิษฐะ พระมเหสีทรงห้ามไว้ แต่น้ำที่สาปแล้วมิอาจลบล้างได้ หากสาดลงดิน พืชพันธุ์ก็พังสิ้น สาดขึ้นฟ้า ฟ้าฝนก็สูญสิ้น หรือสาดไปทิศใด สรรพชีวิตก็ตายสิ้น พระองค์จึงตัดสินพระทัยสาดลงตรงพระบาทของพระองค์เอง เป็นเหตุให้พระบาทกลายเป็นสีกระดำกระด่าง[1][6][3][8]