การพ้นจากคำสาป ของ กัลมาษบาท

ตามความใน มหาภารตะ เมื่อครบกำหนด 12 ปีแล้ว ฤษีวสิษฐะมาเข้าเฝ้าพระเจ้ากัลมาษบาท แล้วถอนคำสาปให้พระองค์กลับคืนเป็นมนุษย์ไปปกครองราชอาณาจักรตามเดิม เมื่อทรงพ้นจากคำสาป พระเจ้ากัลมาษบาททรงรับเอาฤษีวสิษฐะเป็นพระอาจารย์และปุโรหิต ทั้งสองกลับไปนครอโยธยาด้วยกัน แต่คำสาปของหญิงพราหมณ์ยังไม่ถูกถอน พระเจ้ากัลมาษบาทจึงทรงไม่อาจร่วมประเวณีกลับพระมเหสีได้ ทรงขอให้ฤษีวสิษฐะร่วมรักของพระมเหสีแทนเพื่อให้พระองค์มีบุตรสืบวงศ์ พระนางมทยันตีทรงพระครรภ์มาจน 12 ปี มิอาจทรงรอได้อีกต่อไป ทรงเอาศิละทุบพระครรภ์แยก พระโอรสจึงประสูติ ได้พระนามว่า "อัศมกะ" เหตุที่เกิดจากศิลา[12]

มหาภารตะ ยังระบุว่า การยกเมียให้นักบวช ทำให้พระเจ้ากัลมาษบาทได้ขึ้นสวรรค์[13]

เหตุการณ์ครั้งนี้ยังเป็นต้นแบบให้พระมหากษัตริย์พระองค์อื่น ๆ เช่น พระเจ้าปาณฑุ ซึ่ง มหาภารตะ ว่า ทรงถูกสาปให้สวรรคตทันทีที่ทรงร่วมประเวณีกับพระมเหสี จึงทรงให้พระนางกุนตีร่วมประเวณีกับเทวดาเพื่อมีบุตร เหมือนอย่างพระเจ้ากัลมาษบาท[14] นักวิชาการสันนิษฐานว่า เรื่องพระเจ้าปาณฑุน่าจะได้รับอิทธิพลมาจากเรื่องพระเจ้ากัลมาษบาทซึ่งเก่าแก่กว่ามาก[15]

เอกสารบางฉบับก็กล่าวไว้อีกอย่างเกี่ยวกับการประสูติพระโอรสของพระนางมทยันตี เช่น ภาควตปุราณะ ว่า หลังจากพระนางทรงพระครรภ์มา 7 ปี ฤษีวสิษฐะเอาศิลาตีพระนาภี พระโอรสก็คลอด[3] ส่วน วิษณุปุราณะ ว่า พระราชินีทรงเอาศิลาทุบพระนาภีพระองค์เอง หลังจากทรงพระครรภ์มา 7 ปี[16]

เอกสารทุกฉบับกล่าวสอดคล้องกันว่า พระเจ้ากัลมาษบาททรงเป็นบรรพบุรุษของพระเจ้าทศรถ พระบิดาของพระราม แต่ว่าไว้ต่างกันเรื่องลูกหลานของพระเจ้ากัลมาษบาทที่สืบเชื้อสายกันมาจนถึงพระเจ้าทศรถ เช่น กูรมปุราณะ, ลิงคปุราณะ, ภาควตปุราณะ, วายุปุราณะ, และ วิษณุปุราณะ ว่า หลังจากอัศมกะแล้ว มีเชื้อสายสืบมาอีก 9 รุ่นถึงพระเจ้าทศรถ ส่วน พรัหมปุราณะ, มัตสยปุราณะ, หริวงศ์, และ อัคนิปุราณะ ขนานนามพระโอรสของพระเจ้ากัลมาษบาทว่า "สรวกรรมา" และมีเชื้อสายสืบมาอีก 9 รุ่นเช่นกัน แต่ วิษณุปุราณะ และเอกสารอื่นว่า สรวกรรมาเป็นพระนามพระเจ้าปู่หรือตาของพระเจ้ากัลมาษบาท ขณะที่ รามายณะ ว่า พระโอรสของพระเจ้ากัลมาษบาทมีพระนามว่า "สังขานะ" และสืบสายอีก 10 รุ่นจึงถึงพระเจ้าทศรถ[17]