การขาดวิตามินบี12[1]หรือ
ภาวะขาดวิตามินบี12[2](
อังกฤษ: Vitamin B12 deficiency, hypocobalaminemia)หมายถึงการมีระดับ
วิตามินบี12 ใน
เลือดต่ำ
[3]ซึ่งอาจมีอาการหลายอย่างรวมทั้งปัญหาทางความคิด ความเปลี่ยนแปลงทาง
พฤติกรรมและ
อารมณ์ เช่น
ความซึมเศร้า ความหงุดหงิด
โรคจิต (psychosis)ความรู้สึกสัมผัสเพี้ยน (paresthesia)
รีเฟล็กซ์เปลี่ยน
กล้ามเนื้อทำงานไม่ดี
ลิ้นอักเสบ (glossitis) ได้รสชาติลดลง (hypogeusia) เม็ดเลือดแดงน้อย (
เลือดจาง) การทำงานของหัวใจผิดปกติ (cardiomyopathy) และความเป็นหมัน
[4]ในเด็กเล็ก ๆ อาการอาจรวมการไม่โต พัฒนาการที่ล่าช้า และความผิดปกติทางการเคลื่อนไหว (movement disorder)
[5]ถ้าไม่รักษา ความเปลี่ยนแปลงอาจจะกลายเป็นปัญหาถาวร
[6]เหตุสามัญรวมทั้งการดูดซึมวิตามินได้ไม่ดีจาก
กระเพาะหรือ
ลำไส้ การทานอาหารที่มีวิตามินไม่พอ และความต้องการที่เพิ่มขึ้นการดูดซึมได้ไม่ดีอาจมีเหตุจากโรคโลหิตจางเหตุขาดวิตามินบี12 (pernicious anemia) การผ่าตัดเอา
กระเพาะออก
ตับอ่อนอักเสบเรื้อรัง
พยาธิในลำไส้ ยาบางชนิด และความผิดปกติทาง
กรรมพันธุ์ส่วนการทานอาหารที่มีวิตามินไม่พออาจเกิดกับผู้ที่ทานอาหารเจแบบ
วีแกน หรือได้สารอาหารไม่เพียงพอความต้องการที่เพิ่มขึ้นอาจเกิดในคนไข้
เอชไอวี/
เอดส์ และในบุคคลที่สลาย
เม็ดเลือดแดงอย่างรวดเร็ว
[4]การวินิจฉัยปกติจะอาศัยระดับวิตามินบี12 ในเลือดที่ต่ำกว่า 120-180 picomol/L (หรือ 170-250 pg/mL) ในผู้ใหญ่การมีระดับกรด methylmalonic ที่สูงขึ้น คือ เกิน 0.4 micromol/L อาจจะเป็นตัวบ่งความขาดวิตามินได้ด้วยการมีภาวะโลหิตจางแบบ megaloblastic anemia (ที่เม็ดเลือดใหญ่เกินปกติเพราะแบ่งตัวไม่ได้) เกิดขึ้นบ่อยครั้งแต่ไม่จำเป็น
[5]สถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐแนะนำให้หญิงทานเจที่มีครรภ์ทานวิตามินเสริมเพื่อป้องกันการขาด
[5]เมื่อระบุปัญหาได้แล้ว สามารถรักษาได้ง่าย ๆ โดยให้วิตามินเสริมไม่ทางปากก็ทางการฉีด
[7]ไม่ต้องกังวลว่าจะมีวิตามินบี12 เกินในบุคคลที่มีสุขภาพดี
[5]คนไข้บางรายอาจจะดีขึ้นเองถ้ารักษาโรคที่เป็นเหตุ
[8]ในบางกรณีอาจจะต้องทานวิตามินชั่วชีวิตเพราะโรคที่เป็นเหตุไม่สามารถรักษาได้
[9]การขาดวิตามินบี12 เป็นเรื่องสามัญ
[4]ประมาณว่า 6% ของคนที่อายุต่ำกว่า 60 และ 20% ของคนที่อายุมากกว่า 60 จะมีปัญหานี้โดยอัตราอาจสูงถึง 80% ในบางเขตของ
ทวีปแอฟริกาและ
เอเชีย[4]