เอดส์
เอดส์

เอดส์

AIDS: acquired immunodeficiency syndrome
HIV: human immunodeficiency virus
CD4+: CD4+ T helper cells
CCR5: Chemokine (C-C motif) receptor 5
CDC: Centers for Disease Control and Prevention
WHO: World Health Organization
PCP: Pneumocystis pneumonia
TB: Tuberculosis
MTCT: mother-to-child transmission
HAART: highly active antiretroviral therapy
STI/STD: sexually transmitted infection/diseaseเอดส์ หรือ กลุ่มอาการภูมิคุ้มกันเสื่อม[8] (acquired immunodeficiency syndrome - AIDS)เป็นโรคของระบบภูมิคุ้มกันของมนุษย์ ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อไวรัสเอชไอวี (human immunodeficiency virus, HIV) ทำให้ผู้ป่วยมีการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง เสี่ยงต่อการติดเชื้อฉวยโอกาสและการเกิดเนื้องอกบางชนิด เชื้อไวรัสเอชไอวีติดต่อผ่านทางการสัมผัสของเยื่อเมือกหรือการสัมผัสสารคัดหลั่งซึ่งมีเชื้อ เช่น เลือด น้ำอสุจิ น้ำหล่อลื่นในช่องคลอด น้ำหลั่งก่อนการหลั่งอสุจิ และนมมารดา อาจติดต่อผ่านเพศสัมพันธ์ไม่ว่าจะเป็นทางช่องคลอด หรือทวารหนัก หรือช่องปาก, การรับเลือด, การใช้เข็มฉีดยาที่ปนเปื้อน, ติดต่อจากแม่สู่ลูกขณะตั้งครรภ์ คลอด ให้นม หรือการสัมผัสสารคัดหลั่งต่างๆ ดังกล่าวปัจจุบันมีการระบาดของเอดส์ไปทั่วโลก องค์การอนามัยโลกได้ประมาณไว้เมื่อ พ.ศ. 2552 ว่ามีผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์อยู่ประมาณ 33.3 ล้านคนทั่วโลก โดยแต่ละปีมีผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ประมาณ 2.6 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิตจากเอดส์ปีละ 1.8 ล้านคน องค์กร UNAIDS ประมาณไว้เมื่อ พ.ศ. 2550 ว่ามีผู้ป่วยเอดส์ในปีดังกล่าว 33.2 ล้านคนทั่วโลก มีผู้เสียชีวิตจากโรคเอดส์ 2.1 ล้านคน เป็นเด็ก 330,000 คน และ 76% ของผู้เสียชีวิตเป็นชาวแอฟริกาเขตใต้ทะเลยทรายซาฮารา รายงาน พ.ศ. 2552 ของ UNAIDS ระบุว่ามีผู้ติดเชื้อสะสมทั่วโลกแล้ว 60 ล้านคน เสียชีวิตแล้ว 25 ล้านคน เฉพาะในแอฟริกาใต้ที่เดียวมีเด็กทีต้องกลายเป็นเด็กกำพร้าเพราะบิดามารดาเสียชีวิตจากโรคเอดส์ 14 ล้านคน นับตั้งแต่เริ่มมีการระบาดการศึกษาวิจัยทางพันธุศาสตร์ชี้ว่าเชื้อไวรัสเอชไอวีมีถิ่นกำเนิดมาจากแอฟริกากลางตะวันตกในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 ถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 โรคเอดส์เป็นที่รู้จักครั้งแรกในสหรัฐอเมริกาโดยศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ใน ค.ศ. 1981 ส่วนสาเหตุของโรคและเชื้อไวรัสเอชไอวีนั้นค้นพบในช่วงต้นคริสต์ทศวรรษที่ 1980ปัจจุบันการรักษาผู้ป่วยเอดส์และผู้ติดเชื้อเอชไอวีสามารถชะลอการดำเนินโรคได้ แต่ยังไม่มีหนทางรักษาให้หายขาด ไม่มีวัคซีนป้องกัน ยาต้านไวรัสสามารถลดอัตราการตายและภาวะทุพพลภาพได้ดี แต่ยาเหล่านี้ยังมีราคาแพง

เอดส์

อาการ ระยะเริ่มต้น: อาการป่วยคล้ายไข้หวัดใหญ่[4]
ระยะหลัง: ต่อมน้ำเหลืองโต, ไข้, น้ำหนักลด[4]
สาขาวิชา Infectious disease
ระยะดำเนินโรค ระยะยาว[4]
สาเหตุ ไวรัสเอชไอวี[4]
ความชุก 1.8 million new cases (2016)[7]
36.7 million living with HIV (2016)[7]
วิธีวินิจฉัย การตรวจเลือด[4]
ปัจจัยเสี่ยง ติดจากเลือด เพศสัมพันธ์ และผ่านมารดา[4]
ภาวะแทรกซ้อน การติดเชื้อฉวยโอกาส, เนื้องอก[4]
การรักษา Antiretroviral therapy[4]
การเสียชีวิต 1.0 million (2016)[7]
ชื่ออื่น HIV disease, HIV infection[1][2][3]
พยากรณ์โรค อายุขัยใกล้เคียงคนปกติเมื่อได้รับการรักษา[5][6]
การป้องกัน Safe sex, needle exchange, male circumcision[4]

แหล่งที่มา

WikiPedia: เอดส์ http://203.157.15.4/index.php?send=aidsdata http://www.uow.edu.au/arts/sts/bmartin/dissent/doc... http://www.blackwell-synergy.com/doi/full/10.1111/... http://www.diseasesdatabase.com/ddb5938.htm http://www.durex.com/cm/assets/SexEdDownloads/Modu... http://www.emedicine.com/emerg/topic253.htm http://www.icd9data.com/getICD9Code.ashx?icd9=042 http://www.icd9data.com/getICD9Code.ashx?icd9=044 http://www.medscape.com/px/trk.svr/emedsearch?extu... http://www.nature.com/nature/journal/v406/n6791/fu...