เมนูนำทาง
การถอดถอนผู้ได้รับเลือกตั้ง กระบวนการในประเทศไทยวิกิซอร์ซ มีงานต้นฉบับเกี่ยวกับ: |
ก่อนที่ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 จะใช้บังคับ รัฐธรรมนูญทุกฉบับก่อนหน้านั้นได้มีมาตรการในการตรวจสอบควบคุมสมาชิกรัฐสภา ให้สมาชิกสภาใดสภาหนึ่งสามารถร้องขอต่อประธานของสภาที่ตนเป็นสมาชิกในการวินิจฉัยให้สมาชิกผู้ทำความผิดพ้นจากตำแหน่งได้ รัฐธรรมนูญฯ พุทธศักราช 2550 ซึ่งเป็นฉบับปัจจุบันได้เปิดโอกาสให้มีการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐมากขึ้น โดยมีรายละเอียดดังนี้
รัฐธรรมนูญฯ พุทธศักราช 2550 ระบุว่า เหตุที่สามารถใช้ร้องขอให้ถอดถอนจากตำแหน่ง ได้แก่ มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ ส่อไปในทางทุจริตต่อหน้าที่ ส่อว่ากระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ส่อว่ากระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม ส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง (มาตรา 270)
รัฐธรรมนูญฯ พุทธศักราช 2550 เปิดโอกาสให้สามารถยื่นถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งต่อไปนี้ (มาตรา 270)
ผู้ที่สามารถร้องขอให้มีการถอดถอน คือ
มีสิทธิเข้าชื่อร้องขอต่อประธานวุฒิสภาเพื่อขอให้วุฒิสภาพิจารณาถอดถอนบุคคลใดออกกจากตำแหน่ง
เมื่อประธานวุฒิสภาได้รับคำร้องขอให้ถอดถอนผู้ใดจากตำแหน่ง จะส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ไต่สวนให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และเมื่อไต่สวนเสร็จแล้ว คณะกรรมการ ป.ป.ช. จะรายงานวุฒิสภา โดยระบุอย่างชัดเจนว่าข้อกล่าวหาตามคำร้องขอข้อใดมีมูลหรือไม่ เพียงใด มีพยานหลักฐานที่ควรเชื่อได้อย่างไร กับทั้งระบุข้อยุติว่าจะให้ดำเนินการอย่างไรด้วย (มาตรา 272 วรรคหนึ่ง และวรรคสอง)
โดยหาก คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ว่า ข้อกล่าวหาใดมีมูลแล้ว นับแต่วันลงมติดังกล่าว ผู้ถูกกล่าวหาจะปฏิบัติหน้าที่ต่อไปมิได้จนกว่าวุฒิสภาจะมีมติ และประธานกรรมการ ป.ป.ช. จะส่งรายงานและเอกสารที่มีอยู่พร้อมความเห็นไปยังประธานวุฒิสภาเพื่อดำเนินการต่อไป กับทั้งส่งไปยังอัยการสูงสุดเพื่อให้ฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อไป แต่ถ้าคณะกรรมการ ป.ป.ช. เห็นว่าข้อกล่าวหาใดไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาข้อนั้นเป็นอันตกไป (มาตรา 272 วรรคสี่)
เมื่อได้รับรายงานจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. แล้ว ประธานวุฒิสภาจะจัดให้มีการประชุมวุฒิสภาเพื่อพิจารณากรณีดังกล่าวโดยเร็ว ซึ่งหากอยู่นอกสมัยประชุม ประธานวุฒิสภาจะต้องจัดให้มีการประชุมวุฒิสภาโดยเร็วเพื่อการนั้น (มาตรา 273)
หากวุฒิสภามีมติซึ่งกระทำโดยการลงคะแนนลับและมีไม่น้อยกว่าสามในห้าของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของวุฒิสภา ให้ถอดถอนผู้ใดออกจากตำแหน่งหรือราชการ ผู้นั้นจะถูกเพิกถอนสิทธิในการดำรงตำแหน่งใดในทางการเมืองหรือในการรับราชการเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่วุฒิสภามีมติถอดถอน ซึ่งมติของวุฒิสภานี้จะเป็นที่สุด และผู้ใดจะร้องขอให้ถอดถอนบุคคลดังกล่าวโดยอาศัยเหตุเดียวกันมิได้อีกแล้ว โดยจะไม่กระทบกระเทือนการพิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองด้วย (มาตรา 274)
ในกรณีที่นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา หรือข้าราชการการเมืองอื่น ถูกกล่าวหาว่าร่ำรวยผิดปกติ กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ตามประมวลกฎหมายอาญา หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่หรือทุจริตต่อหน้าที่ตามกฎหมายอื่น ให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีอำนาจพิจารณาพิพากษา
เมนูนำทาง
การถอดถอนผู้ได้รับเลือกตั้ง กระบวนการในประเทศไทยใกล้เคียง
การถอดเป็นอักษรโรมันแบบเฮปเบิร์น การถอดอักษรไทยเป็นอักษรโรมัน การถอดถอนผู้ได้รับเลือกตั้ง การถอดเสียง การถอดเป็นอักษรโรมัน การถอนทัพที่เดิงแกร์ก การถอดรหัส (พันธุศาสตร์) การถอดอักษรเกาหลีเป็นอักษรโรมัน การถอดภาษาญี่ปุ่นด้วยอักษรโรมัน การถอนทัพโซเวียตที่ทาลลินน์แหล่งที่มา
WikiPedia: การถอดถอนผู้ได้รับเลือกตั้ง http://library.boisestate.edu/special/church/CHURC... http://www.idahohistory.net/Reference%20Series/004... http://www.ncsl.org/programs/legman/elect/recallpr... http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2551/E/...