การทำชู้ คือ การมี
เพศสัมพันธ์กับบุคคลที่มิใช่คู่สมรส ซึ่งถือกันว่า เป็นเรื่องน่าประณามตามเหตุผลทางสังคม ศาสนา ศีลธรรม หรือกฎหมาย แม้
กิจกรรมทางเพศที่ถือเป็นการทำชู้ รวมถึงผลที่ตามมาในทางสังคม ศาสนา และกฎหมายนั้น จะแตกต่างกันไปในแต่ละวัฒนธรรม แต่แนวคิดเกี่ยวกับการทำชู้มีอยู่ในหลายวัฒนธรรม ทั้งยังเป็นไปในทำนองเดียวกันใน
ศาสนาคริสต์ ศาสนาอิสลาม และ
ศาสนายิว[1] โดยทั่วไปการร่วมประเวณีแม้ครั้งเดียวก็ถือกันว่า เพียงพอแล้วที่จะนับเป็นการทำชู้ในภาษาไทยปัจจุบัน คำว่า
ชู้ หมายถึง ชายที่มีความสัมพันธ์กับหญิงที่มิใช่คู่สมรส ดังนั้น ชายทำชู้ เรียกว่า
เป็นชู้ หญิงทำชู้ เรียกว่า
มีชู้[2] เช่น
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1516 ที่แก้ไขเพิ่มเติมเมื่อ พ.ศ. 2550 บัญญัติว่า "เหตุฟ้องหย่ามีดังต่อไปนี้ (1) สามีหรือภริยา...เป็นชู้หรือมีชู้"
[3]ในทางประวัติศาสตร์ หลาย ๆ วัฒนธรรมมองว่า การทำชู้เป็นอาชญากรรมร้ายแรงอย่างยิ่ง บางวัฒนธรรมก็กำหนดให้มีโทษทัณฑ์ร้ายแรง โดยเฉพาะสำหรับผู้หญิง และบางทีก็สำหรับผู้ชายด้วย โทษที่ลงนั้นก็เป็นต้นว่า
ประหารชีวิต ตัดอวัยวะ หรือ
ทรมาน[4] การลงโทษดังกล่าวค่อย ๆ เสื่อมความนิยมลงตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 19 โดยเฉพาะใน
ประเทศตะวันตก ส่วนในบางประเทศที่การทำชู้ยังเป็นความผิดอาญาอยู่ โทษที่ลงก็มี
ปรับเงินไปจนถึง
เฆี่ยนตี[5] แม้กระทั่งประหารชีวิตก็มี นอกจากนี้ นับตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 20 เป็นต้นมา กฎหมายอาญาที่ให้ลงโทษการทำชู้นั้นกลายเป็นที่ถกเถียง ประเทศตะวันตกส่วนใหญ่เลิกประกาศให้การทำชู้เป็นความผิดอาญา และองค์การระหว่างประเทศหลายองค์การก็เรียกร้องให้ยกเลิกกฎหมายที่ประกาศให้การทำชู้เป็นความผิดอาญา โดยเฉพาะหลังจากที่เกิดเหตุการณ์ลงโทษผู้ทำชู้ด้วย
การปาหินให้ตายในหลาย ๆ ประเทศ
[6] อย่างไรก็ดี แม้ในท้องที่ที่เลิกประกาศให้การทำชู้เป็นความผิดอาญาแล้ว การทำชู้ก็ยังมีผลบางประการในทางกฎหมาย โดยเฉพาะในท้องที่ที่ใช้กฎหมายว่าด้วยการหย่าที่อ้างอิงความประพฤติผิดของคู่สมรส ที่ซึ่งการทำชู้มักเป็น
เหตุให้ฟ้องหย่าได้ และอาจเป็นปัจจัยใน
การตกลงแบ่งทรัพย์สิน ตกลงเรื่อง
ใช้อำนาจปกครองบุตร หรือปฏิเสธให้
ค่าอุปการะเลี้ยงดูด้วยปัจจุบัน ท้องที่ที่ประกาศให้การทำชู้เป็นความผิดอาญานั้น ส่วนใหญ่เป็นประเทศที่ประชาชนโดยมากถือศาสนาอิสลาม อีกจำนวนหนึ่งเป็นประเทศแถบ
กึ่งซาฮาราแอฟริกาซึ่งประชาชนโดยมากถือศาสนาคริสต์ ที่เหลือ ได้แก่
ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน และ
รัฐบางรัฐของสหรัฐ สำหรับประเทศมุสลิมที่ใช้
กฎหมายชะรีอะฮ์ในกระบวนการยุติธรรมทางอาญานั้น ผู้ทำชู้อาจถูกลงโทษด้วยการปาหินให้ตาย
[7] มีประเทศ 15 ประเทศที่ให้การปาหินเป็นการลงโทษที่ชอบด้วยกฎหมาย
[8] แต่ในบรรดาประเทศเหล่านั้น มีเพียง
อิหร่านกับ
โซมาเลียที่ยังปาหินกันอยู่
[9]