การปฏิเสธการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

การปฏิเสธการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (อังกฤษ: Climate change denial) หรือ การปฏิเสธปรากฏการณ์โลกร้อน (อังกฤษ: global warming denial) เป็นการปฏิเสธ การไม่ให้ความสำคัญ หรือการสงสัยอย่างไร้เหตุผล เรื่องมติส่วนใหญ่ของนักวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับอัตราและขอบเขตของปรากฏการณ์โลกร้อน ขอบเขตของปรากฏการณ์ที่มีเหตุมาจากมนุษย์ ผลกระทบของปรากฏการณ์ต่อธรรมชาติและสังคมมนุษย์ และโอกาสที่การกระทำของมนุษย์จะสามารถลดผลกระทบเหล่านั้น[1][2]ส่วน วิมตินิยมเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (อังกฤษ: Climate change skepticism) และการปฏิเสธการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป็นเรื่องที่มีองค์คาบเกี่ยวกัน และมักจะมีคุณลักษณะคล้าย ๆ กัน กล่าวคือ ทั้งสองปฏิเสธมติปัจจุบันส่วนใหญ่ของนักวิทยาศาสตร์ไม่มากก็น้อย[3][4]การปฏิเสธสามารถทำโดยปริยาย คือเมื่อบุคคลหรือกลุ่มต่าง ๆ ทางสังคมยอมรับวิทยาศาสตร์ แต่หันไปสนใจเรื่องที่ง่าย ๆ กว่า แทนที่จะหาทางแก้ไข[5]มีงานศึกษาทางสังคมศาสตร์หลายงานที่วิเคราะห์จุดยืนต่าง ๆ เหล่านี้ว่าเป็นรูปแบบของ denialism (การเลือกที่จะปฏิเสธความจริง เพื่อหลีกเลี่ยงความจริงที่ทำให้ไม่สบายใจ)[6][7][8]ในการโต้เถียงเรื่องปรากฏการณ์โลกร้อน มีการเรียกการรณรงค์เพื่อทำลายความเชื่อถือของมวลชนในวิทยาศาตร์ภูมิอากาศว่า "กลการปฏิเสธ" ของกลุ่มอุตสาหกรรม กลุ่มการเมือง และกลุ่มอุดมคติต่าง ๆ โดยได้การสนับสนุนจากสื่ออนุรักษ์นิยม และนักบล็อกวิมตินิยม เพื่อสร้างความไม่แน่ใจเกี่ยวกับปรากฏการณ์โลกร้อน[9][10]ในการอภิปรายของชาวตะวันตกในที่สาธารณะ คำเช่นว่า climate skepticism (วิมตินิยมเกี่ยวกับภูมิอากาศ) ใช้โดยความหมายเหมือนกับคำว่า climate denialism (ปฏิเสธนิยมเกี่ยวกับภูมิอากาศ)[11]ซึ่งเป็นป้ายชื่อที่ก็เป็นเรื่องโต้เถียงกัน มีผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับวิทยาศาสตร์ภูมิอากาศที่เรียกตัวเองว่า "นักวิมติยม" แต่ความจริงไม่ใช่วิมตินิยมเหมือนกับวิมตินิยมทางวิทยาศาสตร์ คือ ไม่ว่าหลักฐานจะเป็นอย่างไรก็ดี ก็ยังคงปฏิเสธความเป็นจริงว่า มนุษย์เป็นเหตุของปรากฏการณ์โลกร้อน[3]แม้ว่าจะมีมติส่วนใหญ่ของนักวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศว่า มนุษย์เป็นองค์ประกอบหลักที่ผลักดันให้เกิดความเปลี่ยนแปลง[12][13]การเมืองเกี่ยวกับปรากฏการณ์โลกร้อนได้รับอิทธิพลจากการปฏิเสธ ขัดขวางการพยายามเพื่อบรรเทาความเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและเพื่อปรับตัวให้อยู่ได้ในสภาพภูมิอากาศที่ร้อนขึ้น[14][15][16]โดยปกติแล้ว การอภิปรายสาธารณะที่ปฏิเสธการเปลี่ยนแปลง อาจจะดูเหมือนการอภิปรายที่เป็นธรรมชาติของวิทยาศาสตร์ แต่ความจริงไม่เป็นไปตามหลักวิทยาศาสตร์[17][18]การรณรงค์อย่างเป็นระบบเพื่อทำลายความเชื่อถือของมวลชนในวิทยาศาสตร์ภูมิอากาศ มักจะมาจากกลุ่มที่นิยมนโยบายทางเศรษฐกิจแบบอนุรักษ์นิยม และกลุ่มอุตสาหกรรมที่ต่อต้านการควบคุมการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งเป็นแก๊สเรือนกระจก[19]การปฏิเสธการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มาจากกลุ่มวิ่งเต้นเพื่อบริษัทน้ำมันและบริษัทผลิตไฟฟ้า จากพี่น้องอภิมหาเศรษฐีตระกูลคอช (สมบัติรวมกันมูลค่า 84,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) จากกลุ่มอุตสหากรรม และจากกลุ่มนักวิชาการอิสระเสรีนิยม บ่อยครั้งในประเทศสหรัฐอเมริกา[15][20][21][22]ระหว่างปี 2545-2553 มีการบริจาคเงินแบบนิรนามมูลค่าเกือบ 120 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3,592 ล้านบาท) บางส่วนจากอภิมหาเศรษฐี ให้กับองค์การกว่า 100 องค์กร ที่พยายามจะทำลายความเชื่อถือของมวลชนในวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ[23]ในปี 2556 ศูนย์เพื่อสื่อมวลชนและประชาธิปไตย (Center for Media and Democracy) ที่เป็นองค์กรควบคุมดูแลเชิงเสรีนิยม รายงานว่า กลุ่มเครือข่ายนโยบายระดับรัฐ (State Policy Network) ซึ่งเป็นกลุ่มครอบคลุมของกลุ่มวิชาการ 64 องค์กร ได้พยายามวิ่งเต้นเพื่อประโยชน์ของบริษัทยักษใหญ่และผู้บริจาคอนุรักษ์นิยม เพื่อต่อต้านกฎหมายควบคุมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ[24]

ใกล้เคียง

การปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475 การปฏิวัติทางวัฒนธรรม การปฏิวัติฝรั่งเศส การปฏิวัติอุตสาหกรรม การปฏิวัติผ้ากาสาวพัสตร์ การปฏิวัติเม็กซิโก การปฏิวัติซินไฮ่ การปฏิวัติเวทมนตร์ขององค์หญิงเกิดใหม่กับยัยคุณหนูยอดอัจฉริยะ การปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2231 การปฏิวัติตูนิเซีย

แหล่งที่มา

WikiPedia: การปฏิเสธการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ http://www.theage.com.au/news/opinion/climate-chan... http://ecoqua.ecologia.ufrgs.br/~lorloci/Koa/7%20D... http://www.cbc.ca/fifth/denialmachine/ http://www.ipcc.ch/pdf/assessment-report/ar5/syr/S... http://arstechnica.com/staff/2014/12/skeptics-deni... http://books.google.com/books?id=BdDTUvcFE1YC&pg=P... http://books.google.com/books?id=LkzTBgAAQBAJ&pg=P... http://ncse.com/climate/denial/climate-change-is-g... http://ncse.com/climate/denial/why-is-it-called-de... http://www.newsweek.com/id/32482