การรวมประเทศเยอรมนี (
เยอรมัน: Deutsche Wiedervereinigung) เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1990 เมื่อ
สาธารณรัฐประชาธิปไตยเยอรมนี (เยอรมนีตะวันออก) และ
สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี (เยอรมนีตะวันตก) รวมประเทศกันเป็น
เยอรมนีเดียวที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย และได้รวม
เบอร์ลินตะวันออกและ
เบอร์ลินตะวันตกเป็น
นครหนึ่งเดียวด้วยเช่นกัน กระบวนการนี้ถูกระบุไว้โดยรัฐธรรมนูญ
กรุนด์เกอเซทซ์ (
เยอรมัน: Grundgesetz) มาตรา 23 และเมื่อกระบวนการนี้สิ้นสุดลงก็ถูกขนานนามว่า
เอกภาพเยอรมนี (
เยอรมัน: Deutsche Einheit) ซึ่งจัดการเฉลิมฉลองทุกวันที่ 3 ตุลาคมของทุกปีในฐานะ วันเอกภาพเยอรมัน (
เยอรมัน: Tag der deutschen Einheit)
[1] จากการรวมประเทศในครั้งนี้ ส่งผลให้กรุงเบอร์ลินถูกยกฐานะขึ้นเป็นเมืองหลวงของเยอรมนีอีกครั้งหนึ่งจุดเริ่มต้นของการรวมประเทศเกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1989 เมื่อระบอบการปกครองของเยอรมนีตะวันออกเริ่มสั่นคลอนจากการที่
สาธารณรัฐประชาชนฮังการีเปิดพรมแดนด้านที่ติดกับออสเตรีย ส่งผลให้เกิดช่องโหว่ในแนว
ม่านเหล็กและเกิดการอพยพขนานใหญ่ของชาวเยอรมันตะวันออกจำนวนหลายพันคน ซึ่งหลบหนีออกจากประเทศไปยังฝั่งตะวันตกและ
ออสเตรียโดยใช้ฮังการีเป็นทางผ่าน นอกจากนี้
การปฏิวัติอย่างสงบ (Peaceful Revolution) ซึ่งเป็นระลอกการประท้วงของชาวเยอรมันตะวันออกยังส่งผลให้เกิดการจัด
การเลือกตั้งเสรีขึ้นเป็นครั้งแรกในเยอรมนีตะวันออกเมื่อวันที่ 18 มีนาคม ค.ศ. 1990 และนำไปสู่การเจรจาระหว่างเยอรมนีทั้งสองประเทศถึงประเด็นสนธิสัญญารวมประเทศอีกด้วย
[1] ต่อมามีการเจรจาเพิ่มเติมซึ่งชาติมหาอำนาจอีกสี่ชาติที่เคยยึดครองเยอรมนีในอดีตได้มีส่วนร่วมด้วย จึงก่อให้เกิดการลงนามในข้อตกลงของ สนธิสัญญาสองบวกสี่ (
สนธิสัญญาว่าด้วยการตกลงขั้นสุดท้ายเกี่ยวกับดินแดนเยอรมนี) ณ
กรุงมอสโก สหภาพโซเวียต เมื่อวันที่ 12 กันยายน ค.ศ. 1990 โดยให้
อำนาจอธิปไตยอย่างสมบูรณ์แก่ประเทศเยอรมนีที่รวมกันใหม่ อีกทั้งเป็นการปลดปล่อยเยอรมนีทั้งสองประเทศจากภาระเกี่ยวพันจากข้อจำกัดหลายประการที่เกิดขึ้นในสมัยที่ยังเป็น
เขตปกครองของชาติมหาอำนาจด้วยเช่นกันทั้งนี้สถานภาพของเยอรมนีที่รวมประเทศขึ้นมาใหม่ถือว่าเป็นรัฐสภาพของสหพันธ์สาธารณรัฐเดิม (เยอรมนีตะวันตก) ที่ดำรงอยู่มาอย่างต่อเนื่อง เสมือนว่าเยอรมนีตะวันออกถูกผนวกรวมเป็นส่วนหนึ่งของเยอรมนีตะวันตกมากกว่าการรวมเป็นประเทศใหม่อย่างเท่าเทียมกัน ส่งผลให้หลังจากการรวมประเทศในครั้งนี้เยอรมนีจึงไม่ใช่รัฐสืบทอด (successor state) ของรัฐใดรัฐหนึ่งแต่อย่างใด สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีจึงสามารถดำรงสมาชิกภาพของตนในองค์การระหว่างประเทศอยู่ได้เช่นเดิม เช่น
ประชาคมเศรษฐกิจยุโรป (
สหภาพยุโรปในภายหลัง) หรือ
องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ในขณะที่สมาชิกภาพเดิมในองค์การระหว่างประเทศ เช่น
องค์การสนธิสัญญาวอร์ซอ หรือองค์การอื่น ๆ ที่เยอรมนีตะวันออกเป็นสมาชิกอยู่กลับถูกสละทิ้งไปทั้งหมด