การศึกษาตามแผน หรือ
งานศึกษาตามรุ่น[1](
อังกฤษ: cohort study) หรือ
งานศึกษาตามบุคคลในรุ่น[1]เป็นแบบหนึ่งของ
งานศึกษาแบบสังเกต (observational study) ที่ใช้ในสาขา
การแพทย์ สังคมศาสตร์ คณิตศาสตร์ประกันภัย "business analytics" และ
นิเวศวิทยายกตัวอย่างเช่น ในการแพทย์ อาจจะมีงานศึกษาที่วิเคราะห์ปัจจัย
ความเสี่ยง โดยติดตามกลุ่มประชากรที่ไม่มีโรคแล้วใช้ค่า
สหสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยความเสี่ยงกับการติดโรค เพื่อกำหนดความเสี่ยงสัมพัทธ์
[2]ของการติดโรคงานศึกษาตามรุ่นเป็นแบบการศึกษาทางคลินิกชนิดหนึ่ง เป็น
งานศึกษาตามยาว (longitudinal study) โดยเทียบกับ
งานศึกษาตามขวาง (cross-sectional study)คือ เป็นการวัดค่าผลลัพธ์ที่เป็นประเด็นต่าง ๆ ของกลุ่มประชากร และของบุคคลต่าง ๆ ในกลุ่มประชากรนั้น ๆ ตามชั่วระยะเวลาหนึ่ง ๆ
[3][4] โดยเทียบกับการวัดค่าที่เป็นประเด็นเพียงครั้งเดียวในงานศึกษาตามขวาง"cohort" (รุ่น, กลุ่มร่วมรุ่น) เป็นกลุ่มบุคคลที่มีคุณลักษณะหรือประสบการณ์ที่เหมือนกันภายในช่วงเวลาเดียวกัน (เช่น เกิดในช่วงเวลาเดียวกัน มีประวัติได้ยา ฉีดวัคซีน หรือประสบมลพิษภาวะ ช่วงเดียวกัน หรือได้รับการรักษาพยาบาลแบบเดียวกัน)ดังนั้น กลุ่มบุคคลที่เกิดในวันเดียวกันหรือในช่วงเวลาเดียวกัน เช่นในปี พ.ศ. 2491 ก็จะเป็น "birth cohort"ส่วนกลุ่มที่ใช้เปรียบเทียบอาจจะเป็นกลุ่มประชากรที่กลุ่มร่วมรุ่นเป็น
เซตย่อยหรืออาจจะเป็นกลุ่มร่วมรุ่นอีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่ได้รับหรือสัมผัสกับสาร (หรือเงื่อนไขอื่น ๆ) ที่เป็นประเด็นการศึกษา แต่ว่ามีลักษณะอย่างอื่น ๆ ที่เหมือนกันหรืออีกอย่างหนึ่ง เซตย่อยต่าง ๆ ภายในกลุ่มร่วมรุ่นเดียวกัน สามารถใช้เปรียบเทียบกันเอง
การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุม (RCT) เป็นระเบียบวิธีที่มีคุณภาพสูงกว่างานศึกษาตามรุ่น ตาม
ลำดับชั้นหลักฐานของการรักษาพยาบาลเพราะว่า เป็นการศึกษาที่จำกัดโอกาส
ความเอนเอียงต่าง ๆ โดยสุ่มจัดคนไข้เข้าในกลุ่มทดลองและในกลุ่มเปรียบเทียบ (หรือกลุ่มควบคุม)ซึ่งลดระดับความแตกต่างกันของตัวแปรสับสน (confounding) ในระหว่างกลุ่มทั้งสอง โดยเฉพาะตัวแปรสับสนที่ไม่ชัดแจ้งแต่ว่า ก็สำคัญที่จะสังเกตว่า RCT ไม่เหมาะกับการศึกษาทุกสถานการณ์ และการศึกษาวิธีอื่น ๆ เช่น งานศึกษาตามรุ่น อาจจะเหมาะสมกว่าเนื่องจากเป็น
งานศึกษาแบบสังเกตการณ์ตามธรรมชาติ งานศึกษาตามรุ่นจึงสามารถทำได้โดยไม่มีปัญหาจริยธรรมบางอย่าง หรือเมื่อการสุ่มเข้ากลุ่มทดลองทำไม่ได้ สามารถทำได้โดยลด
ความเอนเอียงบางอย่างเช่นที่เกิดจากฎเกณฑ์การคัดเลือกผู้ร่วมการทดลอง เหมาะสำหรับศึกษาความสัมพันธ์ของปัจจัยความเสี่ยงกับการเกิดโรคตามธรรมชาติ
[5][6]สามารถใช้ศึกษาปัจจัยที่รับหลายอย่างกับผลที่เกิดขึ้นหลายอย่าง
[7][6]แต่เป็นแบบการศึกษาที่มีโอกาสเสี่ยงต่อปัจจัยรวบกวน (confounding) และ
อคติที่เกิดจากการเลือกตัวอย่าง และในบางกรณีอาจจะใช้เวลานานหรือมีค่าใช้จ่ายสูง
[5][6]งานศึกษาตามรุ่นสามารถ
ทำตามแผนเก็บข้อมูลในอนาคต หรือสามารถ
ทำย้อนหลังใช้ข้อมูลที่ได้เก็บไว้แล้ว
[8]