กระบวนการยุติธรรม ของ การสลายการชุมนุมที่แยกราชประสงค์_พ.ศ._2553

อัยการได้สั่งฟ้องนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ในข้อหาร่วมกันก่อหรือใช้ให้ผู้อื่นกระทำหรือฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา [82] ซึ่งในการสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดง ได้มีการระดมกำลังทหารถึง 67,000 นาย ใช้กระสุนจริงไปกว่า 110,000 นัด และกระสุนสไนเปอร์อีกกว่า 2,000 นัด และผู้นำเหล่าทัพไม่เคยปฏิเสธ[83]

โดยหลังรัฐประหาร ในวันที่ 28 สิงหาคม 2557 ศาลอาญาพิพากษายกฟ้องนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ ด้วยเหตุผลว่าไม่มีอำนาจพิจารณาคดี แต่อยู่ในอำนาจของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) [84]

ต่อมา คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติไม่ฟ้องนายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ และพลเอกอนุพงษ์ เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2558[85]และวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2559 ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ [86]

กรณีการเสียชีวิตของประชาชน 6 คนในเขต “อภัยทาน” ของวัดปทุมวนารามในช่วงบ่ายวันที่ 19 พ.ค. ซึ่งผู้เสียชีวิต 2 คนเป็นพยาบาลอาสา และ 1 คนเป็นอาสากู้ชีพ ซึ่งมีการอ้างจากรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ศอฉ. และกองทัพ ว่ามีชายชุดดำซุ่มโจมตีทหารอยู่ในภายในวัด พบอาวุธและกระสุนมากมายในวัด [87] อย่างไรก็ตาม ผลการไต่สวนการตายเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2556 ศาลจึงได้วินิจฉัยว่า [88]

  • กระสุนปืนยิงมาจากทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ ตามคำสั่งของ ศอฉ. อยู่บนรางรถไฟฟ้าบีทีเอส
  • หลักฐานชี้ว่าผู้ตายทั้ง 6 คน ไม่เกี่ยวข้องกับการใช้อาวุธปืนมาก่อนการเสียชีวิต เพราะไม่มีคราบเขม่าดินปืนที่มือทั้งสองข้าง
  • ศาลได้พิเคราะห์ว่าไม่ปรากฏหลักฐานว่ามีชายชุดดำอยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุ ตามที่ฝ่ายทหารอ้างว่ามีชายชุดดำ 4 คนยิงใส่ทหาร เพราะขณะเกิดเหตุเป็นเวลากลางวัน และบริเวณดังกล่าวมีผู้สื่อข่าวทั้งชาวไทยและต่างประเทศอยู่เป็นจำนวนมาก แต่กลับไม่ปรากฏภาพถ่ายของชายชุดดำมาแสดงแม้แต่ภาพเดียว ทั้งไม่ปรากฏว่ามีเจ้าหน้าที่ทหารได้รับบาดเจ็บหรือถึงแก่ความตายจากการยิงต่อสู้
  • จากการให้ปากคำของนายทหารอีกสองนายหนึ่งที่ประจำอยู่ชั้นล่างของสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส หน้าวัดปทุมฯ ก็กล่าวว่า ตนไม่ได้รู้สึกว่าตกอยู่ในอันตราย จึงไม่ได้ใช้อาวุธปืนประจำกายยิงใส่ผู้ชุมนุมในวัด
  • ศาลเห็นว่าการยึดอาวุธในวัดปทุมวนารามหลังเกิดเหตุ ไม่น่าเชื่อว่ามีการตรวจยึดอาวุธจริง เพราะหลังจากการตรวจยึดอาวุธของกล่าว กลับไม่ปรากฏว่ามีเจ้าหน้าที่หน่วยงานใดได้ส่งอาวุธของกลางไปส่งพิสูจน์กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจหารอยนิ้วมือหรือดีเอ็นเอต่อไป อีกทั้งการตรวจยึดอาวุธก็ไม่ได้กระทำทันทีหลังเกิดเหตุวันที่ 19 พ.ค.
  • กรณีน.ส.กมนเกด อัคฮาด และนายอัครเดช ขันแก้ว สองอาสาพยาบาลที่เสียชีวิต แม้แพทย์ผู้ผ่าพิสูจน์ได้ลงความเห็นว่า บาดแผลในร่าง น.ส.กมนเกด มาจากทิศทางล่างขึ้นบน หลังไปหน้า และบาดแผลในร่างนายอัครเดช ไม่สามารถระบุถึงทิศทางกระสุนปืนได้ เนื่องจากทางเข้าของกระสุนรวมถึงตำแหน่งพบตะกั่วในร่างกายสั้นมากก็ตาม แต่เมื่อพิจารณาจากภาพถ่าย จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ในขณะที่ทั้งสองคนถูกยิงนั้น กำลังคุกเข่าก้มลงกับพื้นโดยหันหน้าเข้าไปในวัด จึงเป็นเหตุให้ดูเสมือนหนึ่งว่าทิศทางวิถีกระสุนที่ยิงมายังผู้ตายทั้งสองนั้น ยิงมาจากล่างขึ้นบน และหลังไปหน้า

คดีเกี่ยวกับชายชุดดำยังคงอยู่ในระหว่างขั้นตอนตามกระบวนการยุติธรรม โดยทนายของจำเลยคดีชายชุดดำที่ก่อเหตุบริเวณสี่แยกคอกวัวได้ระบุว่าจำเลยถูกเจ้าหน้าที่ทหารซ้อมทรมานและข่มขู่

[89]

ใกล้เคียง

การสลายการชุมนุมที่แยกราชประสงค์ พ.ศ. 2553 การสละราชสมบัติ การสลายตัวกัมมันตรังสี การสลายของเม็ดเลือดแดง การสลับขั้วแม่เหล็กโลก การสลายการชุมนุมที่แยกปทุมวัน พ.ศ. 2563 การสลายให้อนุภาคบีตา การสละตำแหน่งพระสันตะปาปา การสลายให้อนุภาคแอลฟา การสละราชสมบัติของสมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธอที่ 2 แห่งเดนมาร์ก

แหล่งที่มา

WikiPedia: การสลายการชุมนุมที่แยกราชประสงค์_พ.ศ._2553 http://www.brisbanetimes.com.au/world/16-dead-more... http://www.smh.com.au/world/Red-Shirts-on-rampage-... http://www.abc.net.au/news/stories/2010/05/19/2903... http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/politics... http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/119852 http://www.bangkokpost.com/breakingnews/178232/arm... http://www.ch7.com/news/news_thailand_detail.aspx?... http://www.channelnewsasia.com/stories/afp_asiapac... http://edition.cnn.com/2010/WORLD/asiapcf/05/17/th... http://www.csmonitor.com/World/terrorism-security/...