ในสาขา
ชีววิทยาวิวัฒนาการ การสืบเชื้อสายร่วมกัน หรือ
การสืบสกุลร่วมกัน[1](
อังกฤษ: Common descent)เป็น
ทฤษฎีที่อธิบายว่ากลุ่มสิ่งมีชีวิตหนึ่ง ๆ ได้มี
บรรพบุรุษร่วมกันใกล้สุด (most recent common ancestor, MRCA) อย่างไรมี
หลักฐานว่า
สิ่งมีชีวิตทั้งหมดบน
โลกสืบเชื้อสายมาจาก
บรรพบุรุษร่วมกัน[2][3]และในปี 2559
นักวิทยาศาสตร์ก็ได้ระบุ
ยีน 355 ตัวจากบรรพบุรุษร่วมกันของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่ยังมีชีวิตอยู่บนโลก
[4]สิ่งมีชีวิตต่างสปีชีส์กันจะมีบรรพบุรุษร่วมกันในช่วง
การเกิดสปีชีส์ ที่สปีชีส์ต่าง ๆ จะกำเนิดจากกลุ่มบรรพบุรุษเดียวกันโดยกลุ่มที่มีบรรพบุรุษร่วมกันใกล้กันกว่า ก็จะเป็นญาติใกล้ชิดกันมากกว่าและสิ่งมีชีวิตที่ยังมีชีวิตอยู่ทั้งหมดก็ได้มีบรรพบุรุษร่วมกันที่เรียกว่า
บรรพบุรุษร่วมที่ใกล้กันที่สุดของสิ่งมีชีวิตบนโลก (LUCA)
[2]ซึ่งมีชีวิตประมาณ 3,900 ล้านปีก่อน
[5][6](โดยโลกเกิดเมื่อ 4,450 ล้านปี ± 1% ก่อน
[7][8])หลักฐานที่เก่าแก่ที่สุดของสิ่งมีชีวิตบนโลก 2 ชิ้นก็คือ
ทฤษฎีการสืบเชื้อสายร่วมกันสากล (
อังกฤษ: universal common descent) บ่งว่า สิ่งมีชีวิตที่ยังมีชีวิตอยู่ทั้งหมดบนโลกจะสืบยีนร่วมกัน โดยแต่ละชนิดล้วนแต่สืบเชื้อสายมาจากสปีชีส์ดั้งเดิมชนิดเดียวแม้อาจมี
การถ่ายทอดยีนในแนวราบ (horizontal gene transfer) ในวิวัฒนาการยุคต้น ๆ ซึ่งสร้างปัญหาต่อแบบจำลอง monophyly ซึ่งแสดงว่าสิ่งมีชีวิตแตกสาขามาจากชาติพันธุ์เดียว
[2]นัก
ธรรมชาติวิทยาชาวอังกฤษ
ชาลส์ ดาร์วิน ได้เสนอการสืบเชื้อสายร่วมกันทั้งหมดผ่านกระบวนการ
วิวัฒนาการเป็นคนแรกในหนังสือ
กำเนิดสปีชีส์ (On the Origin of Species) ในปี พ.ศ. 2402ซึ่งสรุปว่า มีความสง่างามในมุมมองของชีวิตเช่นนี้ พร้อมกับอานุภาพหลายอย่างของมัน ซึ่งดั้งเดิมเกิดเป็นรูปแบบไม่กี่อย่างหรืออย่างเดียว และนั่น ในขณะที่โลกลูกนี้กำลังหมุนไปตาม
กฎความโน้มถ่วงที่ตายตัว จากจุดเริ่มต้นที่ง่าย ๆ เห็นปานนั้น รูปแบบหาที่สุดไม่ได้ ที่สวยงามที่สุดและมหัศจรรย์ที่สุด ได้วิวัฒนาการและกำลังวิวัฒนาการเกิดขึ้น