การออกอากาศโทรทัศน์ในระบบยูเอชเอฟ คือการใช้
คลื่นวิทยุย่านความถี่สูงยิ่ง หรือ
ยูเอชเอฟ (UHF) สำหรับ
การแพร่สัญญาณโทรทัศน์ภาคพื้นดินทั้ง
ระบบแอนะล็อกและ
ดิจิทัล โดยทั่วไปช่องยูเอชเอฟจะมีหมายเลขช่องสัญญาณที่สูง ๆ เช่น การจัดเรียงช่องของ
ประเทศไทย มีช่อง
วีเอชเอฟอยู่ 11 ช่อง คือช่อง 2 - 12 และช่องยูเอชเอฟอีก 49 ช่อง คือช่อง 21 - 69 เมื่อเทียบกับเครื่องส่งโทรทัศน์วีเอชเอฟที่เทียบเท่าแล้ว เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ในพื้นที่เดียวกันด้วยเครื่องส่งสัญญาณยูเอชเอฟ ต้องใช้
กำลังการแผ่รังสีที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า ซึ่งอาจหมายถึงเครื่องส่งที่มีกำลังมากกว่า หรือเสาอากาศที่ซับซ้อนมากกว่า อย่างไรก็ตาม ช่องที่เพิ่มเติมช่วยให้มีผู้แพร่ภาพกระจายเสียงมากขึ้นในภูมิภาคที่กำหนด โดยไม่ก่อให้เกิดการรบกวนซึ่งกันและกันที่น่ารังเกียจการออกอากาศระบบยูเอชเอฟเกิดขึ้นเนื่องจากการเปิดตัว
หลอดสุญญากาศความถี่สูงรุ่นใหม่ที่พัฒนาโดย
ฟิลิปส์ในทันทีก่อนที่
สงครามโลกครั้งที่สองจะเปิดฉากขึ้น สิ่งเหล่านี้ถูกใช้ในโทรทัศน์รุ่นทดลองในสหราชอาณาจักรในช่วง
คริสต์ทศวรรษ 1930 และเริ่มใช้กันอย่างแพร่หลายในช่วงสงครามในฐานะเครื่องรับ
เรดาร์ ท่อส่วนเกินท่วมตลาดในยุคหลังสงคราม ในเวลาเดียวกัน การพัฒนาโทรทัศน์สีกำลังดำเนินการขั้นตอนแรก โดยเริ่มจากระบบส่งสัญญาณที่เข้ากันไม่ได้
คณะกรรมการกลางกำกับดูแลกิจการสื่อสารของ
สหรัฐได้จัดสรรความถี่ยูเอชเอฟที่ไม่ได้ใช้แล้วและใช้งานได้จริงสำหรับการใช้งานโทรทัศน์สี การแนะนำมาตรฐาน
เอ็นทีเอสซีที่สามารถ
เข้ากันได้กับรุ่นที่เก่ากว่า ทำให้ช่องเหล่านี้ถูกเผยแพร่ทางโทรทัศน์ในปี ค.ศ. 1952โดยทั่วไปแล้วเครื่องรับในช่วงแรกจะมีประสิทธิภาพน้อยกว่าที่การรับย่านความถี่ยูเอชเอฟ และสัญญาณยังอาจถูกรบกวนจากสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
[1] นอกจากนี้สัญญาณยังไม่ไวต่อผลจากการเลี้ยวเบนซึ่งสามารถปรับปรุงการรับสัญญาณในระยะไกลได้
[2] โดยทั่วไปยูเอชเอฟมีสัญญาณที่ชัดเจนน้อยกว่า และสำหรับบางตลาดกลายเป็นบ้านของผู้แพร่ภาพกระจายเสียงขนาดเล็กที่ไม่เต็มใจที่จะประมูลการจัดสรรวีเอชเอฟที่เป็นที่ต้องการ ปัญหาเหล่านี้ลดลงอย่างมากเมื่อมีโทรทัศน์ภาคพื้นดินระบบดิจิทัล และในปัจจุบันการออกอากาศโทรทัศน์ภาคพื้นดินส่วนใหญ่เกิดขึ้นในระบบยูเอชเอฟ ในขณะที่ช่องวีเอชเอฟกำลังจะเลิกใช้ เพื่อหลีกเลี่ยงการหายไปของช่อง ระบบการออกอากาศแบบดิจิทัลจึงมีแนวคิด
ช่องเสมือน ซึ่งช่วยให้สถานีโทรทัศน์สามารถรักษาหมายเลขช่องวีเอชเอฟเดิมไว้ได้ในขณะที่ออกอากาศจริงด้วยความถี่ยูเอชเอฟเมื่อเวลาผ่านไป ช่องโทรทัศน์ในอดีตจำนวนมากในระบบยูเอชเอฟย่านความถี่สูงก็ได้รับการกำหนดให้ใช้งานในแบบอื่นอีกครั้ง ไม่เคยใช้ช่อง 37 ในสหรัฐและบางประเทศเพื่อป้องกันการแทรกแซงทาง
ดาราศาสตร์วิทยุ[3] ส่วนในประเทศไทย
กรมไปรษณีย์โทรเลข (ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นสำนักงาน
กสทช.) ได้สงวนช่องสัญญาณที่ 21 - 25 และ 61 - 69 ไว้เพื่อใช้ใน
ระบบการสื่อสารทางโทรศัพท์มือถือแบบรวงผึ้ง จึงทำให้ประเทศไทยสามารถใช้ช่องสัญญาณเพื่อออกอากาศทางโทรทัศน์ได้ตั้งแต่ช่องที่ 26 - 60 เท่านั้น จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2562 สำนักงาน กสทช. ได้ปรับเปลี่ยนการใช้งานระบบยูเอชเอฟสำหรับออกอากาศ
โทรทัศน์ภาคพื้นดินระบบดิจิทัลในประเทศไทย โดยให้ดำเนินการออกอากาศโดยปรับลดไปยังช่องความถี่ที่ต่ำลงกว่าเดิม คือช่องที่ 21 - 48 ทั้งนี้ เนื่องจากจะต้องเรียกคืนคลื่นความถี่ 700 เมกะเฮิรตซ์ขึ้นไป เพื่อจัดสรรและมอบให้แก่ผู้ประกอบกิจการ
โทรคมนาคมรายต่าง ๆ เพื่อให้นำไปใช้และให้บริการเครือข่ายการสื่อสารระบบ
5 จี ซึ่งจะเริ่มทดลองและให้บริการจริงตั้งแต่ปลายปี พ.ศ. 2563 และในปี พ.ศ. 2563 นี้เอง ในช่วงเดือนกันยายนถึงธันวาคม สำนักงาน กสทช. ได้ปรับปรุงระบบสัญญาณทั่วประเทศเพื่อย้ายความถี่ในการออกอากาศสถานีโทรทัศน์ต่าง ๆ ทำให้แต่ละพื้นที่รับสัญญาณไม่ได้ชั่วคราว โดยผู้ชมที่รับชมผ่าน
กล่องรับสัญญาณทีวีดิจิทัล และ
สมาร์ททีวี สามารถปรับจูนสัญญาณโทรทัศน์ได้ด้วยตนเอง ส่วน
โทรทัศน์ผ่านดาวเทียมและ
โทรทัศน์ผ่านสายเคเบิลจะไม่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้
[4]