การเดินทางคอน-ติกิ เป็นการเดินทางด้วยแพจาก
ทวีปอเมริกาใต้ ข้าม
มหาสมุทรแปซิฟิกไปยัง
พอลินีเชียในปี ค.ศ. 1947 การเดินทางครั้งนี้นำโดย
ทอร์ เฮเยอร์ดาห์ล นักผจญภัยชาวนอร์เวย์ ชื่อคอน-ติกิ มาจากพระนามเดิมของ Viracocha พระผู้สร้างของชาวอินคา นอกจากนี้ยังเป็นชื่อหนังสือที่เฮเยอร์ดาห์ลเขียนหลังเสร็จสิ้นการเดินทาง (แปลไทยในชื่อ
ล่องแพสู่แปซิฟิค) และชื่อภาพยนตร์ในปี ค.ศ. 2012 (ชื่อไทยของภาพยนตร์คือ
ลอยทะเลให้โลกหงายเงิบ)
[1]เฮเยอร์ดาห์ลเชื่อว่าชาวอเมริกาใต้เป็นผู้ตั้งรกรากในพอลินีเชียตั้งแต่
ยุคก่อนโคลัมบัส เขาจึงสร้างแพด้วยวัสดุและเทคโนโลยีในสมัยนั้นเพื่อพิสูจน์สมมติฐานดังกล่าว แพคอน-ติกิสร้างจากลำต้นไม้บัลซา 9 ต้น ประกอบเข้าด้วยกันด้วยเชือกกัญชง ขอบเรือและคัดแคงทำจากไม้สน เสาแพทำจากไม้โกงกาง ส่วนเพิงพักทำจากไม้ไผ่มุงด้วยใบตอง ด้านอาหารที่คณะเดินทางนำไปด้วยได้แก่ น้ำดื่ม 1,040 ลิตร
มะพร้าว มันเทศ น้ำเต้า และผักผลไม้อื่น ๆ นอกจากนี้กองทัพสหรัฐยังสนับสนุนอาหารกระป๋อง อาหารแห้งและอุปกรณ์ยังชีพจำนวนหนึ่ง ระหว่างเดินทาง คณะเดินทางจับปลาได้จำนวนมาก เช่น
ปลานกกระจอก ปลาอีโต้มอญ และ
ปลาทูน่าครีบเหลือง ขณะที่ด้านการสื่อสารคณะเดินทางใช้วิทยุที่มีรหัสเรียกขาน LI2B เพื่อติดต่อกับสถานีในทวีปอเมริกา
[2]28 เมษายน ค.ศ. 1947 เฮเยอร์ดาห์ลพร้อมด้วยลูกเรือ 5 คนได้แก่ ผู้นำทาง เอริก เฮสเซลแบร์ก (Erik Hesselberg) ผู้ดูแลสัมภาระ เบงต์ แดเนียลส์สัน (Bengt Danielsson) วิศวกร แฮร์มัน วัตซิงเกอร์ (Herman Watzinger) และผู้ดูแลวิทยุสื่อสาร คนุต ฮอกลันด์ (Knut Haugland) และทอร์สตีน ราบี (Torstein Raaby) พร้อมด้วยนกแก้วชื่อ โลริตา
[3] ออกเดินทางจากเมือง
คาเญา ประเทศเปรู โดยมีเรือของกองทัพเปรูลากออกจากฝั่งเพื่อหลีกเลี่ยงเรือลำอื่น ๆ ก่อนจะล่องไปตาม
กระแสน้ำฮุมบ็อลท์ วันที่ 30 กรกฎาคม คณะเดินทางมองเห็นแผ่นดินแรกคืออะทอลล์
ปูกา-ปูกา ใน
หมู่เกาะดิสแอปพอยต์เมนต์ จากนั้นวันที่ 4 สิงหาคม คณะเดินทางไปถึงอะทอลล์แองกาเตาและพบกับชาวบ้านบนเกาะ แต่พวกเขาไม่สามารถขึ้นฝั่งได้ ต่อมาในวันที่ 7 สิงหาคม แพคอน-ติกิชนเข้ากับแนวปะการังก่อนจะเกยหาดของเกาะ Raroia ในหมู่เกาะ
ตูอาโมตัส การเดินทางจึงต้องยุติลงหลังคณะเดินทางล่องด้วยระยะทาง 6,980 กิโลเมตร เป็นเวลา 101 วัน ภายหลังคณะเดินทางออกจากเกาะ Raroia ไปยัง
ตาฮีตีด้วยเรือใบของฝรั่งเศส โดยมีซากแพคอน-ติกิ พ่วงไปด้วย
[4]การเดินทางคอน-ติกิแสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ในการเดินทางด้วยแพจากทวีปอเมริกาใต้มายังพอลินีเชีย รวมถึงความเป็นไปได้ที่บรรพบุรุษของชาวพอลินีเชียมาจากอเมริกาใต้
[5] อย่างไรก็ตาม สมมติฐานของเฮเยอร์ดาห์ลไม่ได้การยอมรับในวงวิชาการ
[6] เวด เดวิส นักมานุษยวิทยาชาวแคนาดาวิจารณ์ว่า "สมมติฐานของเฮเยอร์ดาห์ลนั้น "ละเลย" ต่อหลักฐานทางภาษาศาสตร์ ชาติพันธุ์วรรณนา และพฤกษศาสตร์พื้นบ้านที่มีอยู่จำนวนมาก"
[7] ปัจจุบันนักประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่เชื่อว่าชาวพอลินีเชียเป็นส่วนหนึ่งของ
ชาวออสโตรนีเซีย และมีบรรพบุรุษมาจากทางตะวันตกหรือทวีปเอเชีย โดยอิงจากการศึกษาทางภาษาศาสตร์ โบราณคดีและพันธุศาสตร์
[8][9][10]