ความเสียหายในยุโรป ของ กาฬมรณะ

การฝังศพผู้เสียชีวิตจากกาฬมรณะในเมืองตูร์แน ภาพจากบันทึกของฌีล ลี มุยซี (Gilles Li Muisis) อธิการวัดนักบุญมาร์แต็งแห่งตูร์แน

มีการประมาณผู้เสียชีวิตจากกาฬมรณะที่เป็นชาวยุโรปอย่างน้อย 1/4 ถึง 2/3 ของประชากรชาวยุโรปทั้งหมด ในระหว่างช่วงปี 1348-1350 หมู่บ้านเล็ก ๆ ตามชนบทมีประชากรลดลง ผู้รอดชีวิตส่วนมากจะพากันอพยพเข้าตัวเมืองที่ใหญ่กว่า แล้วทิ้งหมู่บ้านไป จนเป็นหมู่บ้านร้าง

กาฬมรณะจู่โจมไปถึงวัฒนธรรมอย่างรุนแรง หมู่บ้านที่เคยมีคนอาศัยอยู่มากได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง หมู่บ้านเล็ก ๆ ที่มีคนอาศัยอยู่เบาบางและโดดเดี่ยวอย่างโปแลนด์กับลิทัวเนียได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อย ส่วนพื้นที่อื่นอย่างฮังการี บราบันต์ แอโน ลิมบวร์ค ซันติอาโกเดโกมโปสเตลา กลับไม่ได้รับผลกระทบโดยไม่ทราบสาเหตุ นักประวัติศาสตร์ได้ตั้งสมมุติฐานว่าอาณาจักรและดินแดนเหล่านั้นมีมาตราการกักกันโรค หรือไม่ก็มีการระบาดของกาฬโรค แต่ก็เป็นระยะเวลาอันสั่นและไม่มีผลกระทับร้ายแรง

อย่างไรก็ตามพื้นที่เหล่านี้ก็ถูกเล่นงาน ในการแพร่ระบาดใหญ่รอบที่ 2 ในปี 1360-1363 ซึ่งเริ่มมีกลุ่มที่มีความรู้ความสามารถ ในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาด ของกาฬโรคขึ้นมาหลายกลุ่มแล้ว ส่วนพื้นที่อื่นที่เป็นที่อพยพหนีกาฬโรคจะเป็น เขตพิ้นที่ภูเขาโดดเดี่ยว เพราะว่าเขตตัวเมืองที่มีขนาดใหญ่ มีความหนาแน่นของประชากรสูง จะมีความเสี่ยงในการแพร่กระจายของเชื้อกาฬโรคได้ง่ายกว่า โดยเฉพาะเมืองในเขตที่สกปรก เต็มไปด้วยแมลงปรสิตอย่าง เห็บ หมัด หนู รวมไปถึงสภาพความอดอยากและ ไม่มีสุขอนามัยที่ดีพอ

ในประเทศอิตาลี เมืองฟลอเรนซ์ในช่วงปี 1338 มีประชากรอยู่ประมาณ 110,000-120,000 คน ถูกกาฬโรคเล่นงานจนเหลือประชากรเพียง 50,000 คนในปี 1351 ที่นครฮัมบวร์คกับเบรเมิน ประชากรเสียชีวิตจากกาฬโรคไปราว ๆ 60%-70% ของประชากรทั้งหมด ในพื้นที่อื่นบางพื้นที่ ประชากร 2/3 ตายเรียบ ที่อังกฤษมีผู้เสียชีวิตจากกาฬโรคราว 70% ซึ่งทำให้ประชากรลดลงจาก 7 ล้านคน เหลือเพียง 2 ล้านคนในปี 1400

กาฬโรคมีผลต่อประชากรทุกระดับชั้นโดยไม่ไว้หน้า ไม่ว่าจะเป็นคนระดับล่างที่อยู่ในที่สกปรก หรือชนชั้นสูง พระเจ้าอัลฟองโซที่ 11 แห่งคาสตีล เป็นกษัตริย์พระองค์เดียวที่เสด็จสวรรคตจากกาฬโรค พระเจ้าปีเตอร์ที่ 4 อารากอน สูญเสียมเหสี ลูกสาว และหลานสาวในเวลาหกเดือน จักรพรรดิไบเซนไทน์สูญเสียพระโอรส

แหล่งที่มา

WikiPedia: กาฬมรณะ http://www.abc.net.au/science/articles/2008/01/29/... http://www.channel4.com/history/microsites/H/histo... http://news.nationalpost.com/2014/01/28/plague-dna... http://www.oed.com/view/Entry/280254 http://www.time.com/time/world/article/0,8599,2050... http://archive.wired.com/medtech/health/news/2001/... http://contagions.wordpress.com/2011/11/26/did-ind... http://gallica.bnf.fr/ark:/12148/btv1b9078277z/f25... http://www.persee.fr/web/revues/home/prescript/art... //www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/22080795