เนตรวงแหวน ของ ขีดจำกัดสายเลือด_(นินจาคาถาโอ้โฮเฮะ)

ชารินงัน

เนตรวงแหวน หรือ ชาริงกัน-อังกฤษ (Sharingan) (ความหมายดวงตาลอกเลียนแบบ)พลังเนตรพิเศษของตระกูลอุจิวะ ว่ากันว่าเนตรนี้มีต้นกำเนิดจากเนตรสังสาระของเซียน 6 วิถี

พลัง

มองรูปแบบ นินจุตสุ (วิชานินจา), เกนจุตสุ (วิชาภาพลวงตา) และ ไทจุตสุ (กระบวนท่า) ได้อย่างทะลุปรุโปร่ง และ ผู้ใช้ก๊อปปี้กระบวนท่าและวิชาเดียวกันมาใช้ได้ นอกจากนี้ยังใช้คาถาการสะกดจิต และ อ่านการเคลื่อนไหวของคู่ต่อสู้ ส่วนการเลื่อนระดับกายภาพต้องได้มาจากการฝึกฝนหรือพรสวรรค์ของแต่ละคน ขีดจำกัดของเนตรนี้คือไม่สามารถเลียนแบบคาถาพวกขีดจำกัดสายเลือดอื่นได้

ไม้ตายของเนตรวงแหวน

1.อ่านทิศทางการโจมตีคู่ต่อสู้

2.มองการร่ายคาถา กับการเคลื่อนไหวทางกายภาพ ได้อย่างสมบูรณ์ แม้ไม่รู้ว่าจะเคลื่อนไหวหรือกระทำอะไร และcopyได้แต่เลียนแบบคาถาของขีดจำกัดสายเลือด พลังสถิตร่างกับวัตถุไม่ได้

3.ใช้ภาพลวงตา

4.มองจักระคู่ต่อสู้

5.เข้าสู่ความทรงจำของผู้ที่โดนวิชาลวงตา (ความสามารถของซาสึเกะ)

6.ใช้ลบความทรงของผู้อื่นได้(เป็นความสามารถของซาสึเกะ)

วิชาต้องห้าม

วิชาที่ใช้ครั้ง 1 ตาบอดไปข้างหนึ่ง1.เทพบิดา อิซานางิ ใช้เปลี่ยนแปลงและบิดเบือนชะตากรรมของตนเอง ทำให้เหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับผู้ใช้วิชา เช่น ความเจ็บปวด หรืออื่นๆ จะกลายเป็นเพียงความฝันหรือทำให้การโจมตีที่เป็นภาพลวงตากลายเป็นความจริงได้ ระยะเวลาทำงาน ขึ้นอยู่กับตัวผู้ใช้2.เทพมารดา อิซานามิ คาถาที่มาคู่กับอิซานางิ ใช้กำหนดโชคชะตาผู้อื่นได้ ทำให้เหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับผู้โดนวิชานี้ติดอยู่ในวังวนที่ตั้งแต่เริ่มใช้จนเวลากลับมาแบบไม่มีที่สิ้นสุด จะเริ่มทำงานเมื่อเกิดการสัมผัสกัน แบบแตะตัวกันหรือฟันแทงกัน โดยจุดเริ่มต้นคือเหตุการณ์ตอนสัมผัสกับจุดท้ายคือการสัมผัสคล้ายกับเหตุการณ์แรกโดยจะวนลูฟไปมาไม่มีสิ้นสุด การจะหลุดออกจากลูฟได้ คือผู้โดนต้องยอมรับโชคชะตาของตัวเองเท่านั้น คือวิชาที่ใช้เตือนสติให้คนสำนึกกับคิดได้

เนตรกระจกเงาหมื่นบุปผา

พลังของเนตรจะเพิ่มมากขึ้นเป็นสิบๆ เท่า การจะเบิกเนตรนี้คือต้องฆ่าคนสำคัญของตนเองด้วยตัวเองต่อหน้าเท่านั้น แต่ละคนจะมีพลังที่อยู่กับเนตรต่างกัน แต่มีผลข้างเคียงคือยิ่งใช้มาก ตายิ่งใกล้บอด และที่เพิ่มมาคือ

1.เทพวายุ สุซาโนโอะ คือเทพพิทักษ์ที่มีพลังโจมตีและป้องกันสูงสุดที่ปกป้องผู้ใช้ได้ ความสมบูรณ์ขึ้นอยู่กับตัวผู้ใช้ ร่างต้นจะเป็นเพียงซี่โครงพัฒนาไปยังร่างโครงกระดูก จากนั้นพัฒนาไปยังร่างมนุษย์ยักษ์ จากนั้นก็พัฒนาไปยังร่างใส่เกราะ มี 4 แขน จากนั้นร่างสุดท้ายมีลักษณะคล้ายกับ เท็งงุ และแขน 2 ข้างส่วนเกินจะกลายเป็นปีก โจมตีทีเดียวผ่าภูเขาได้สบาย เงื่อนไขในการใช้ต้องมีเนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผาทั้งสองข้างไม่งั้นร่างกายจะรับภาระมากเกินไปที่จะรับได้ ถ้าใช้ติดต่อกันตายิ่งบอดเร็วขึ้น แต่ถ้าเป็นเนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผานิรันดร์ใช้ติดต่อตาก็ไม่บอด ผู้ใช่ได้ อุจิวะ มาดาระ/ซาสึเกะ/อิทาจิ/ชิซุย,ฮาตาเกะ คาคาชิ

ร่างเทพวายุ สุซาโนโอะของซาสึเกะ เคยดูดจักระของสัตว์หางทั้ง 9 แป็นภาชนะแทนเทวรูปมารนอกรีต พัฒนาไปอีกขั้นแต่ขั้นนี้มีพลังมากที่สุด แต่จะใช้ร่างนี้ได้ต้องได้รับจักระของสัตว์หางทั้ง 9 ตลอดเวลา

2.อ่านจันทรา(สึคิโยมิ) ก็คือการสะกดภาพลวงตาขั้นสุดยอดด้วยตาข้างซ้ายเพื่อทำลายระบบประสาทอย่างหนักหน่วงของคู่ต่อสู้โดยตรง คาถาลวงตาควบคุมขังเหยื่อในมิติเวลา ทรมานเหยื่อในภาพลวงตาเป็นเวลา 3 วัน หากเวลาจริงผ่านไปเพียง 1 วินาทีเท่านั้น ผลกระทบจะทำร้ายจิตใจเหยื่อโดยตรงส่งผลถึงกายภาพตาไปอีกที หรือใช้เพื่อเล่าให้เห็นเหตุการณ์ความจริงของผู้ใช้หรือภาพลวงตาในอดีต ไม่ก็สะกดจิตก็ได้

3.เทวีสุริยา(อามาเทราสุ) หากใช้วิชานี้เนตรจะปล่อยไฟสีดำที่ไม่มีวันดับใส่สิ่งที่จ้องมอง เผาจนสิ่งที่ถูกจ้องจนไหม้หมด เมื่อเผาสิ่งที่สัมผัสจนหมดไฟก็จะดับไป

4.เทพต่างสวรรค์ วิชาลวงตาที่แข็งแกร่งที่สุด เป็นวิชาเนตรที่ควบคุมเหยื่อได้และเหยื่อเองจะไม่รู้ตัวว่าตนตกอยู่ในวิชาลวงตา เป็นวิชาเฉพาะของชิซุย

5.คามุย(kamui) วิชาเคลื่อนย้ายร่างของอุจิวะ โอบิโตะและฮาตาเกะ คาคาชิ สร้างมิติของตัวเองโดยมิตินี้ไม่ใช่โลกจริงแต่เคลื่อนย้ายตัวเองหรือผู้อื่นเข้าออกในมิตินี้ได้ หรือไปสถานที่ไกลๆได้ และที่สำคัญยังทิ้งร่างจริงในมิติเพื่อให้ร่างลวงตาในโลกจริงถูกโจมตีทะลุไม่โดน แต่ค้างนานสุดได้แค่ครั้งละ 5 นาที โดยเนตรขวาอยู่กับโอบิโตะและเนตรซ้ายอยู่กับคาคาชิก็เชื่อมถึงกัน วิชาเนตรนี้มีที่มาจากผลข้างเคียงของตอนโอบิโตะให้เนตรคาคาชิตอนเด็กและเบิกเป็นหมื่นบุปผาเมื่อทั้งคู่เห็นว่าฆ่ารินตายเอง เพราะ ตา 2 ข้างเชื่อมกัน จึงเบิกได้

ระดับการพัฒนา

ขั้นเบิกเนตร

1.เนตรวงแหวน วงแหวน 1 วงแทนสัญลักษณ์ที่อ่อนแอที่สุดของเนตรนี้ มีความสามารถมองความไวในการร่ายคาถา

2.เนตรวงแหวนชางิ วงแหวน 2 วงแทนเนตรที่ยังไร้พลังอันแข็งกล้า สามารถก๊อปปี้วิชาบางส่วนและอ่านจักระของผู้ต่อสู้ด้วยได้

3.เนตรวงแหวนชารินกัน วงแหวน 3 วงแทนเนตรที่ได้พลังมาแล้วเรียบร้อย ความสามารถในการก๊อปปี้วิชาและการอ่านวิชาของผู้ต่อสู่ด้วย

ขั้นเปิดนรก

ความลับในการเลื่อนระดับความสามารถของเนตรคือต้องได้รับความทุกข์จากการฆ่าคนรักหรือเพื่อนคนสำคัญ แลกพลังมา โดยเนตรวงแหวนนั้นแยกว่าตายจริงหรือไม่ ซึ่งถ้าคนที่รักไม่ตายจะเบิกไม่ได้

4.เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผา (มังเง็คคโยชาริงกัน) ใช้วิชาเนตรที่ทรงพลังได้ 3 อย่าง ซึ่งแตกกันไปอย่างละข้าง และเทพวายุเทพพิทักษ์ที่หลับอยู่ในเนตรทั้งสองข้าง แต่ยิ่งใช้มากจะทำให้ตาบอดหรืออาจถึงแก่ความตายได้

5.เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผานิรันดร์ เป็นเนตรขั้นต่อจากเนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผา การเบิกได้คือ คนที่เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผา 2 คนควักเป็นลูกตากัน(เฉพาะสายเลือดอุจิวะเท่านั้น)ยิ่งใช้ตาจะไม่บอด เพราะใช้เนตรอีกต่อไปและจะได้รับพลังพิเศษที่เพี่มขึ้นมามากมาย บุคคลที่ได้รับ มี มาดาระ และซาซึเกะ โดยไม่ได้รับผลกระทบจากการใช้เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผาและใช้เทพวายุ ซึชาโนะโอร่างสมบูรณ์ได้อีกด้วย

6.เนตรสังสาระ(Rinnegan) เป็นเนตรแบบพิเศษของเซียนหกวิถี การจะเบิกได้จะต้องเป็นผู้ที่สายเลือดของอุจิวะ และเซนจู แต่ทั้งคู่ต้องเป็นร่างอวตารของอาชูร่าหรืออินดราเท่านั้น กับมีเนตรเหมือนทั้ง 2 ข้าง และจักระพิเศษถึงจะเบิกได้ ไม่งั้นจะเบิกไม่ได้ ถึงกับใช้พลังของอ่านจันทรานรันดร์ได้

7.เนตรสังสาระสูงสุด เป็นเนตรที่มีเนตรวงแหวนที่สมบูรณ์แบบแล้วรวมกับเนตรสังสาระอยู่ด้วยกัน ผู้ที่มีเนตร คางูยะ/ซาสึเกะ/มาดาระ(ก่อนที่จะกลายเป็นคางูยะ) ปัจจุบันเนตรของซาสึเกะมีอยู่ที่ตาข้างซ้าย ได้มาด้วยการมีเนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผานิรันดร์ กับเซลล์ของฮาชิรามะ และได้รับจักระหกวิถีของเซียนหกวิถี ก่อนเนตรจะกลายเป็นเนตรสังสาระมีวงแหวน2ชั้นในเนตร สามารถมองทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ร่างเงา(ลิมโบ้)ที่อยู่อีกภพหนึ่ง ซึ่งเคยมองกับมาดาระ ได้ในระยะไกลพอสมควร ประมาณ 1กิโลเมตร เนตรสังสาระนี้มีความสามารถของเนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผานิรันดร์เทวีสุริยาข้างซ้ายเดิมของซาสึเกะอยู่ด้วย ซึ่งนอกจากมองเงาลิมโบ้มาดาระได้แล้ว ยังใช้เทวีสุริยาได้ ใช้สึซาโนะโอร่างสมบูรณ์ได้(ใส่เกราะมีปีกจมูกยาวมีดาบ รวมกับ9หางได้ และภายหลังได้พลังสัตว์หางทั้ง9หลายเป็นร่างเกราะผอมที่ทรงพลังใช้แทนเทวรูปมารนอรีตได้) ใช้คาถาเรียกก้อนอุกาบาตที่ลงมาถล่มได้หลายลูกหรือเรียกมาจับสัตว์หางทั้ง9แทนเทวรูปมารนอกรีตได้ กดดึงคล้ายคลายเทพพิชิตฟ้าของเพนได้ในระยะ1กม. และที่เป็นเอกลักษณ์คือความสามารถสลับตำแหน่งเคลื่อนย้ายตัวเองได้ และ อีกอย่างที่เด่นมากกว่าโหมดเซียนและเนตรสีขาวคือพลังทะลุมิติไปหามิติศัตรูอยู่ได้ทันทีพร้อมพาพวกพ้องไปและกลับมาได้ 2สิ่งนี้ดูได้จากโบรูโตะ เนตรสังสาระซาสึเกะมีการปวดตาจากการใช้จักระมากจึงมีระยะเวลาพักเพื่อฟื้นเนตร ต่างจากเนตรสังสานะที่มาดาระ โอบิโตะ เพนนางาโตะใช้ที่ใช้ได้ตลอด