ข้อตกลงความครอบคลุมและความก้าวหน้าเพื่อหุ้นส่วนทางการค้าภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก (
อังกฤษ: Comprehensive and Progressive Agreement for Trans-Pacific Partnership, ย่อ: CPTPP) หรือเรียก TPP11 หรือ TPP-11
[2][3][4] เป็นความตกลงการค้าระหว่างประเทศออสเตรเลีย บรูไน แคนาดา ชิลี ญี่ปุ่น มาเลเซีย เม็กซิโก นิวซีแลนด์ เปรู สิงคโปร์ และเวียดนาม พัฒนามาจาก
ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (TPP) ซึ่งไม่มีผลใช้บังคับเนื่องจากสหรัฐถอนตัว ณ เวลาลงนาม เศรษฐกิจรวมของ 11 ประเทศคิดเป็นร้อยละ 13.4 ของจีดีพีโลก (ประมาณ 13.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ) ทำให้ CPTPP เป็นเขตการค้าเสรีใหญ่สุดอันดับสามของโลกโดยวัดจากจีดีพี รองจาก
ความตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือและ
ตลาดร่วมยุโรป[5]หลังประธานาธิบดี
ดอนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐประกาศถอนตัวออกจาก TPP ประเทศผู้ลงนามเดิมได้ตกลงในเดือนพฤษภาคม 2560 เพื่อรื้อฟื้นความตกลงใหม่
[6][7] โดยบรรลุความตกลงในเดือนมกราคม 2561 มีพิธีลงนามอย่างเป็นทางการในวันที่ 8 มีนาคม 2561 ในประเทศชิลี
[8][9] CPTPP รับเอาข้อกำหนดของ TPP มาใช้ แต่ระงับบทบัญญัติ 22 ข้อที่สหรัฐเห็นชอบแต่ประเทศอื่นคัดค้าน ความตกลงฯ มีผลใช้บังคับเมื่อหกประเทศให้สัตยาบัน คือ วันที่ 30 ธันวาคม 2561
[10]บทว่าด้วยรัฐวิสาหกิจยังไม่เปลี่ยนแปลง โดยกำหนดให้ประเทศผู้ลงนามแบ่งปันสารสนเทศเกี่ยวกับรัฐวิสาหกิจระหว่างกัน มีการใส่มาตรฐานเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญาที่ละเอียดที่สุดในบรรดาความตกลงการค้าทุกฉบับ ตลอดจนคุ้มครองต่อการโจรกรรมทรัพย์สินทางปัญญากับบริษัทที่ดำเนินการในต่างประเทศ
[11] ด้านญี่ปุ่นขยายระยะเวลาคุ้มครองลิขสิทธิ์เป็น 70 ปีหลังผู้สร้างสรรค์เสียชีวิต
[12] ซึ่งเป็นข้อกำหนดของความตกลงความเป็นหุ้นส่วนเศรษฐกิจอียู–ญี่ปุ่น
[13]