บทความนี้มีการอ้างถึงคำสั่งศาล คำพิพากษา หรือคำวินิจฉัยของศาลในระบบซีวิลลอว์
"คดีระหว่างพนักงานอัยการ โจทก์ กับพิมล กาฬสีห์ จำเลยที่ 1 และนภาพันธ์ กาฬสีห์ จำเลยที่ 2 เรื่อง ความผิดเกี่ยวกับเพศ" หรือเรียกโดยย่อว่า
"คดีระหว่างพนักงานอัยการ กับพิมล กาฬสีห์ และนภาพันธ์ กาฬสีห์" เป็น
คดีอาญาใน
ประเทศไทย ซึ่ง
พนักงานอัยการ กรมอัยการ (“โจทก์”) ฟ้อง
พิมล กาฬสีห์ เป็นจำเลยที่ 1 (“จำเลยที่ 1”) และ
นภาพันธ์ กาฬสีห์ (ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น
อรพรรณ กาฬสีห์[1]) ภริยาจำเลยที่ 1 เป็นจำเลยที่ 2 (“จำเลยที่ 2”) กล่าวหาว่าจำเลยทั้งสองเป็น
ตัวการร่วมกันกระทำ
ความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราและ
กระทำอนาจาร เพ็ชร์ ทิวาพัฒน์ ผู้เสียหาย (“ผู้เสียหาย”) ซึ่งเป็น
สาวใช้ของจำเลยทั้งสอง โดยพฤติการณ์ที่จำเลยที่ 2 ล่อลวงผู้เสียหายมาเพื่อสนองความใคร่ของจำเลยที่ 1 และในระหว่างที่จำเลยที่ 1 ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายจนบรรลุ
ความเสียวสุดยอดทางเพศถึงห้าครั้ง จำเลยที่ 2 ได้กระทำการต่าง ๆ เพื่ออำนวยการข่มขืนนั้นด้วย โจทก์ขอให้ศาลพิพากษาลงโทษตาม
ประมวลกฎหมายอาญา (“ป.อ.”)คดีนี้
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว
พิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามโจทก์ฟ้อง และลงโทษจำเลยที่ 1 ให้จำคุกห้าปี หนึ่งเดือน ส่วนจำเลยที่ 2 ให้จำคุกสามปี จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ และศาลอุทธรณ์ไม่เชื่อว่าผู้เสียหายจะถูกจำเลยกระทำชำเราจริง หากเห็นว่าผู้เสียหายสมัครใจ จึงให้ยกคำฟ้องของโจทก์โจทก์จึงฎีกา และจำเลยที่ 2 โต้แย้งว่า ตนเป็นหญิง ไม่สามารถเป็นตัวการกระทำความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราหญิงด้วยกันได้ ข้อโต้แย้งนี้ได้นำขึ้นสู่
ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ครั้งที่ 8/2510 ซึ่งมีมติว่า หญิงก็เป็นตัวการข่มขืนหญิงได้ และศาลฎีกาพิเคราะห์พฤติการณ์ต่าง ๆ ประกอบผลตรวจทางการแพทย์แล้ว เห็นว่าผู้เสียหายถูกข่มขืนกระทำชำเราตามคำฟ้อง จึงกลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในที่สุดคดีนี้เป็นที่กล่าวขวัญมากในช่วงปีที่เกิด เนื่องจากจำเลยที่ 1 เป็น
นักเขียนการ์ตูนมีชื่อเสียงและประสบความสำเร็จอย่างสูง มีนามปากกว่า "ตุ๊กตา"
[2] คดีนี้จึงรู้จักกันโดยทั่วไปว่า
"คดีตุ๊กตา"[3]