คอสแซค (
ยูเครน: козаки́, kozaky;
รัสเซีย: каза́ки́, kazaki;
โปแลนด์: Kozacy,
อังกฤษ: Cossacks) เดิมเป็นสมาชิกของกลุ่มทหารใน
ยูเครน และทางตอนใต้ของ
รัสเซีย[1] แต่ที่มาของคอสแซคยังคงเป็นหัวข้อที่ถกเถียงกันในบรรดานักวิชาการอยู่ในตอนปลายของคริสต์ศตวรรษที่ 15 กลุ่มคอสแซคซาโพโรเซียน (Zaporozhian Cossacks) ก็ได้ก่อตั้ง
กองทหารคอสแซค (Cossack host) ขึ้นในทุ่งหญ้าสเตปป์ในยูเครน (
ยูเครน: дике поле) ในบริเวณ
แม่น้ำนีพเพอร์ ในคริสต์ศตวรรษที่ 16 กลุ่ม
คอสแซคดอน (Don Cossacks) ก็ได้ก่อตั้งกองทหารคอสแซคขึ้นอีกกองหนึ่งในบริเวณลุ่มแม่น้ำดอน กองทหารคอสแซคกองอื่นๆ ก็ได้รับการก่อตั้งขึ้นต่อมาทางตอนใต้ของเทือกเขายูราล, ไซบีเรีย และ คอเคซัสคอสแซคนีพเพอร์แห่งยูเครนมีศูนย์กลางอยู่ในบริเวณหมู่เกาะนีพเพอร์ที่มีการสร้างเสริมการป้องกันทางทหาร เดิมคอสแซคเป็นอาณาจักรบริวารของ
เครือจักรภพโปแลนด์-ลิทัวเนีย แต่ความกดดันทางสังคมและศาสนาจากเครือจักรภพทำให้คอสแซคประกาศตนเป็น
รัฐเฮตม่านคอสแซค (Cossack Hetmanate) อิสระจากโปแลนด์-ลิทัวเนีย โดยการริเริ่ม
การลุกฮือคเมลนิทสกี (Khmelnytskyi Uprising) ภายใต้การนำของ
โบห์ดัน คเมลนิทสกีในกลางคริสต์ศตวรรษที่ 17 ในปี ค.ศ. 1654 คอสแซคก็ลงนามใน
สนธิสัญญาเพเรยาสลาฟ กับ
อาณาจักรซาร์แห่งรัสเซียที่เป็นผลให้รัฐต่างๆในเครือ
รัฐเฮตม่านคอสแซคตกไปอยู่ภายใต้การปกครองของรัสเซียต่อมาอีกสามร้อยปี
[2]คอสแซคดอนผู้ตกลงเป็นพันธมิตรกับ
อาณาจักรซาร์แห่งรัสเซียเริ่มรุกรานและยึดดินแดนต่างๆ ในบริเวณ
แม่น้ำวอลกา,
ไซบีเรียทั้งหมด,
แม่น้ำยูราล และ
แม่น้ำเทอเร็คมาเป็นอาณานิคมในคริสต์ศตวรรษที่ 18 นโยบายการขยายดินแดนของ
จักรวรรดิรัสเซียก็หันมาพึ่งความภักดีของคอสแซค ที่สร้างความกดดันให้แก่คอสแซคผู้ที่นิยมการดำรงชีวิตอย่างอิสระ ซึ่งในที่สุดก็ทำให้เกิดการปฏิวัติที่นำโดย
สเตงคา ราซิน,
คอนดราตี บุลาวิน และ
เยเมลิยัน พูกาเชฟ เมื่อมาถึงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 18 คอสแซคก็เปลี่ยนไปมีฐานะพิเศษ ที่ทำหน้าที่เป็นทหารประจำการชายแดนทั้งชายแดนระดับชาติและชายแดนระหว่างชนเผ่าต่างๆ และเป็นผู้ส่งกองกำลังในการสนับสนุนปัญหาขัดแย้งทางทหารต่างๆ เช่นใน
สงครามรัสเซีย-ตุรกี เป็นการแลกเปลี่ยนกับความเป็นอิสระทางสังคมในการปกครองตนเอง ที่ทำให้เกิดการสร้าง
สามัญทัศน์ที่เกี่ยวกับคอสแซคกันไปต่างๆ นานาในคริสต์ศตวรรษที่ 19 ทั้งในจักรวรรดิรัสเซีย และในรัฐบาลภาพในของตนเองระหว่าง
สงครามกลางเมืองรัสเซีย ภูมิภาคต่างๆ ของคอสแซคกลายเป็นศูนย์กลางของ
ขบวนการขาว (White movement) ในการต่อต้านพรรคบอลเชวิค คอสแซคดอนและคอสแซคคูบันถึงกับก่อตั้งรัฐอิสระขึ้นอยู่พักหนึ่ง เมื่อ
กองทัพแดงได้รับชัยชนะ คอสแซคก็ตกอยู่ในสภาวะอดอยาก และ ได้รับการกดขี่จากผู้เป็นปฏิปักษ์ระหว่าง
สงครามโลกครั้งที่สองคอสแซคก็ต่อสู้ให้กับทั้งฝ่าย
สหภาพโซเวียต และฝ่าย
นาซีเยอรมนี ที่เป็นผลให้เกิด '
กรณีทรยศต่อคอสแซค' (Betrayal of Cossacks) ขึ้นโดยฝ่ายพันธมิตรหลังสงคราม เมื่อสหภาพโซเวียตทำการสังหารคอสแซคที่ถูกส่งกลับมารัสเซียโดยฝ่ายพันธมิตรตามนโยบายการกดขี่คอสแซค แต่หลังจาก
การล่มสลายของสหภาพโซเวียตเป็นต้นมา ชีวิตและปรัชญาของความเป็นคอสแซคก็กลับมาเป็นที่นิยมกันในรัสเซียขึ้นอีกครั้ง ใน
กองทัพรัสเซียถึงกับมีกองทหารพิเศษของคอสแซค คอสแซคกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของสังคมร่วมสมัย และมีองค์การของตนเองในรัสเซีย คาซัคสถาน ยูเครน และในประเทศอื่นๆ