ชีวิตช่วงต้นและการศึกษา ของ คิม_แด-จุง

คิม แด-จุง ตอนวัยรุ่น

คิมเกิดเมื่อวันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2467[3] แต่ต่อมาเขาได้บันทึกในทะเบียนว่าเกิดวันที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2468 เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกเกณฑ์ทหารในช่วงระหว่างที่เกาหลีอยู่ภายใต้การปกครองของญี่ปุ่น คิมเป็นบุตรคนที่สองในบรรดาเจ็ดคนในครอบครัวชาวนาชั้นกลาง คิมเกิดที่เมืองซินาน ซึ่งขณะนั้นอยู่จังหวัดช็อลลา ซึ่งปัจจุบันอยู่ในจังหวัดช็อลลาใต้ ต่อมาครอบครัวของคิมย้ายมาอยู่ใกล้เมืองท่าม็อกโป ซึ่งจะทำให้เขาสามารถสำเร็จการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย คิมสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนพาณิชย์ม็อกโป ในปี พ.ศ. 2486 ด้วยคะแนนสูงสุดของชั้น ภายหลังจากทำงานเป็นเสมียนในบริษัทขนส่งทางเรือของญี่ปุ่นในช่วงเกาหลีอยู่ภายใต้การปกครองของญี่ปุ่น ต่อมาเขาได้กลายมาเป็นเจ้าของธุรกิจ และร่ำรวยขึ้นเป็นอย่างมาก คิมจึงต้องหลบหนีการจับกุมของคอมมิวนิสต์ในช่วงสงครามเกาหลี[4]

คิมเริ่มเข้าสู่วงการการเมืองในปี พ.ศ. 2497 ระหว่างภายใต้การปกครองของประธานาธิบดีคนแรก อี ซึง-มัน ถึงแม้ว่าเขาจะได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกรัฐสภาในปี พ.ศ. 2504 แต่การรัฐประหารที่นำโดยนายพลพัก ช็อง-ฮี ผู้ซึ่งเป็นผู้นำเผด็จการในเวลาต่อมาได้ทำให้การเลือกตั้งดังกล่าวเป็นโมฆะ[4] ต่อมาคิมสามารถเอาชนะเลือกตั้งเป็นสมาชิกรัฐสภาได้ในปี พ.ศ. 2506 และปี พ.ศ. 2510 และได้รับการยกย่องให้เป็นผู้นำฝ่ายค้าน จึงทำให้เขาได้เป็นผู้แทนฝ่ายค้านในการลงเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี พ.ศ. 2514 ไปโดยปริยาย โดยเขาเกือบเอาชนะพัก ช็อง-ฮี ถึงแม้ว่าเขาจะเสียเปรียบเนื่องคู่แข่งของเขา พัก ช็อง-ฮี เป็นผู้กุมอำนาจทางการเมืองในขณะนั้น[5]

คิมเป็นผู้มีความสามารถด้านวาทศิลป์ คิมสามาถสื่อสามารถกับผู้สนับสนุนที่ภักดีกับเขาได้อย่างมั่นคง โดยผู้สนับสนุนที่จงรักภักดีของเขาอยู่ในภูมิภาคช็อลลา โดยเขาได้รับคะแนนิยมถึง 95% ในภูมิภาคนี้ ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดที่ไม่มีผู้ใดทำลายได้ในวงการการเมืองเกาหลีใต้

ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2516 คิมเกือบถูกลอบสังหารเมื่อเขาถูกลักพาตัวจากโรงแรมในโตเกียวโดยสายลับของสำนักข่าวกรองกลางเกาหลี (เคซีไอเอ) เพื่อตอบโต้การที่เขาวิพากษ์วิจารณ์รัฐธรรมนูญยูซิน ของประธานาธิบดีพัก ซึ่งรัฐธรรมนูญดังกล่าวทำให้ประธานาธิบดีพักเข้าใกล้สู่ความเป็นเผด็จการ โดยหลายปีผ่านไป คิมได้กล่าวถึงเหตุการณ์ดังกล่าวในปี พ.ศ. 2543 ในการปาฐกถาในการรับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ

ผมต้องมีชีวิต และต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป ผมเชื่อว่าพระเจ้าจะอยู่ข้างผมเสมอ ผมรู้ในสิ่งนี้จากประสบการณ์ ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2516 ขณะที่ผมลี้ภัยอยู่ญี่ปุ่น ผมถูกลักพาตัวโดยสายลับหน่วยข่าวกรองของรัฐบาลทหารเกาหลีใต้จากห้องพักโรงแรมในโตเกียว ข่าวจากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เกิดความตกใจไปทั่วโลก พวกสายลับพาผมไปไว้ที่บริเวณสมอเรือที่เลียบอยู่กับชายหาด มัดตัว มัดมือ และเอาสิ่งของอุดปากผม หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาโยนผมจากเรือลงน้ำ พระเยซูปรากฏพระองค์ต่อหน้าผมด้วยความสดใส ผมกอดพระองค์และอ้อนวอนให้พระองค์ช่วยชีวิตผม ทันใดนั้นไม่นาน เครื่องบินบินลงมาจากท้องฟ้าเพื่อมาช่วยผมในวินาทีแห่งความตาย— คิม แด-จุง[6]

ฟิลลิป ฮาบิบ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำเกาหลีใต้ ได้เป็นผู้ไกล่เกลี่ยให้เขากับรัฐบาลเกาหลีใต้[7]

ถึงแม้ว่าคิมจะกลับมาเกาหลีใต้ เขาก็ถูกห้ามมิให้ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง และถูกจำคุกในปี พ.ศ. 2519 สำหรับการเข้าร่วมโดยเป็นผู้ประกาศแถลงการณ์ต่อต้านรัฐบาล โดยถูกตัดสินจำคุกห้าปี ต่อมาในปี พ.ศ. 2521 ได้รับการลดโทษเป็นการคุมขังในบ้านพัก[5] โดยแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ได้จัดให้เขาเป็นนักโทษทางความคิด[8]

คิมได้รับการฟื้นฟูสิทธิทางารเมืองอีกครั้งในปี พ.ศ. 2522 ภายหลังจากที่ประธานาธิบดีพักถูกลอบสังหาร อย่างไรก็ตามในปี พ.ศ. 2523 คิมถูกจับกุมและถูกพิพากษาให้ประหารชีวิตในข้อหาปลุกปั่นให้ขัดขืนอำนาจปกครอง และสมรู้ร่วมคิดในการปลุกเร้าผู้คนที่ควังจู ซึ่งเป็นฐานสนับสนุนทางการมืองของเขาในเหตุการณ์ขบวนการการทำให้เป็นประชาธิปไตยควังจู โดยช็อน ดู-ฮวัน ผู้นำที่มาจากการรัฐประหาร[9]

ในวันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2523 สมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น ปอลที่ 2 ได้มีจดหมายไปถึงช็อน ดู-ฮวัน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ในขณะนั้น เพื่อขออภัยโทษแก่คิม ซึ่งนับถือโรมันคาทอลิก โดยได้รับโทษประหารชีวิตหนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้านั้น โดยหอจดหมายเหตุแห่งชาติเกาหลีได้เปิดเผยเนื้อหาของจดหมายจากการร้องขอของ ควังจูอิลโบ หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นในเมืองควังจู[10]

ภายใต้การแทรกแซงของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา[11] โทษของเขาลดลงเพียงเหลือจำคุก 20 ปี และต่อมาเขาได้ลี้ภัยไปยังสหรัฐอเมริกา คิม อาศัยอยู่ที่บอสตันชั่วคราว โดยเป็นศาสตราจารย์อาคันตุกะ ในศูนย์กิจการระหว่างประเทศ ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด[12]

ระหว่างช่วงเวลาที่เค้าใช้ชีวิตที่ต่างประเทศ เขาได้เขียนความคิดเห็นของเขาลงในหนังสือพิมพ์ตะวันตกชั้นนำ ซึ่งวิจารณ์รัฐบาลเกาหลีใต้อย่างรุนแรง ในวันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2526 คิมได้แสดงสุนทรพจน์ในเรื่องสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยที่มหาวิทยาลัยเอมโมรี, แอตแลนตา และได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ในสาขากฎหมายจากสถาบันดังกล่าว สองปีต่อมา ในปี พ.ศ. 2528 เขาได้กลับสู่เกาหลีใต้

แหล่งที่มา

WikiPedia: คิม_แด-จุง http://www.apakistannews.com/s-koreas-ex-president... http://www.atimes.com/koreas/BI05Dg01.html http://www.britannica.com/EBchecked/topic/317874/K... http://www.catholicnewsagency.com/news/john_paul_i... http://archives.cnn.com/2001/WORLD/asiapcf/east/06... http://www.cnn.com/WORLD/9802/24/s.korea.wrap/inde... http://news.donga.com/3/all/20090819/8768809/1 http://www.economist.com/node/14302282 http://news.hankooki.com/lpage/world/201109/h20110... http://articles.latimes.com/2009/aug/19/local/me-k...