เมนูนำทาง
จักรพรรดิศิวาจี พิชิตอินเดียใต้ต้นปี ค.ศ. 1674 จักรวรรดิมราฐาเริ่มทำสงครามอย่างแข็งกร้าว โดยเริ่มตีเขตขันเทศ ยึดโปนทา การ์วาร์ และ โกลหาปุระ ของพีชปุระ และเข้าทำยุทธนาวีกับพวกสิททิแห่งจันจิรา และในต้นปี ค.ศ. 1676 เปชวาร์ ปินคาเล ได้ทำสงครามร่วมกับราชาแห่งรามนครที่สุรัต หลังจากนั้นศิวาจีได้เข้าตีอถาณีในเดือนมีนาคม และได้เข้าล้อมเมืองเบฬคาวและวาเยมรายิม เมื่อถึงสิ้นปี ศิวาจีได้เปิดฉากสงครามในอินเดียตอนใต้ ด้วยกองกำลังกว่า 30,000 พลม้า และ 20,000 พลบก พระองค์เข้ายึดป้อมของพวกอทิลศาห์ที่เวลลุร์และชินจีจา ในการขยายดินแดนครั้งนี้ ศิวาจีทรงเรียกร้องปลุกใจให้ชาวทักขินมีจิตใจรักชาติบ้านเมือง เช่น ให้ทักขินเป็นมาตุภูมิที่ควรป้องกันการรุกรานจากคนนอก การเรียกร้องครั้งนี้ค่อนข้างประสบความสำเร็จ กุตาบข่านแห่งรัฐสุลต่านโควฬโกนทาแห่งทักขินตะวันออกเชิญชวนพระองค์ให้มาทำสนธิสัญญากัน การพิชิตดินแดนทางตอนใต้ของศิวาจีถือว่าสำคัญต่อสงครามในอนาคต และชินชีจาก็ถูกเมืองหลวงของพวกมราฐาในระหว่างการทำสงครามเพื่ออิสรภาพ
ศิวาจียังตั้งพระทัยจะกลับมาผูกมิตรกับพระเชษฐาต่างพระมารดาของพระองค์ คือ เอโกจีที่ 1 บุตรของศาหจีกับตุกาบาอี ผู้ครอบครองเมืองตันชาวุระต่อจากศาหจี แต่การผูกมิตรกลับไม่ประสบความสำเร็จ ดังนั้นระหว่างกลับไปป้อมรายคัท ศิวาจีจึงทรงตีทัพของเอโกจีในวันที่ 27 มิถุนายน ค.ศ. 1677 และสามารถยึดครองพื้นที่ที่ราบสูงไมซูร์ได้ ทีปาบาอี มเหสีของเอโกจี ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของศิวาจี ได้ขอเจรจาใหม่กับศิวาจี และยังเชื่อว่าพระสวามียังห่างไกลจากพวกข้ามุสลิม ท้ายที่สุด ศิวาจียินยอมคืนแผ่นดินให้นางและลูกหลานหญิงของนางได้ครอบครองถือสิทธิ์คืนเดิม และ เอโกจียังได้ยินยอมเงื่อนไขในการปกครองแผ่นดินและรักษาอนุสรณ์ของศิวาจีในอนาคต
เมนูนำทาง
จักรพรรดิศิวาจี พิชิตอินเดียใต้ใกล้เคียง
จักรพรรดินโปเลียนที่ 1 จักรพันธ์ ครบุรีธีรโชติ จักรพรรดิโชวะ จักรพรรดิเมจิ จักรพรรดิ จักรพรรดิยงเจิ้ง จักรพรรดิคังซี จักรพรรดิบ๋าว ดั่ย จักรพรรดิเปดรูที่ 1 แห่งบราซิล จักรพรรดินีฟาราห์ ปาห์ลาวีแหล่งที่มา
WikiPedia: จักรพรรดิศิวาจี