ครองราชย์ครั้งที่สอง ของ จักรพรรดิเจิ้งถ่ง

ใน ค.ศ. 1450 ชาวมองโกลปล่อยจู ฉีเจิ้ง เป็นไทให้กลับไปยังดินแดนจีน แต่ทันทีที่จู ฉีเจิ้น ย่างพระบาทเข้าสู่มาตุภูมิ จู ฉี-อฺวี้ ก็ให้กุมพระองค์ไปกักบริเวณไว้ ณ ตำหนักฝ่ายใต้ในพระราชวังต้องห้าม แล้วถอดจู เจี้ยนจฺวิ้น (朱見濬) โอรสของจู ฉีเจิ้น ออกจากตำแหน่งรัชทายาท ตั้งจู เจี้ยนจี้ (朱見濟) โอรสของตัว ขึ้นเป็นรัชทายาทแทน

จู ฉีเจิ้น ทรงน้อยพระทัยนัก ถูกกักบริเวณอยู่ตำหนักใต้ถึง 7 ปี กระทั่งจู เจี้ยนจี้ ประชวรสิ้นพระชนม์ จู ฉี-อฺวี้ โทมนัสจนประชวรไปด้วย จู ฉีเจิ้น จึงอาศัยโอกาสนี้รัฐประหารจู ฉี-อฺวี้ เป็นผลสำเร็จ

จู ฉีเจิ้น ถอดจู ฉี-อฺวี้ ออกจากตำแหน่งกษัตริย์ลงเป็นองค์ชาย ให้กักบริเวณไว้ที่ซี-ยฺเวี่ยน (西苑) หนึ่งเดือนให้หลัง จู ฉีเจิ้น ให้ขันทีวางยาฆ่าจู ฉี-อฺวี้ ตาย

ตัวจู ฉีเจิ้น นั้นกลับขึ้นเสวยราชย์อีกครั้ง ใช้พระนามว่า "เทียนชุ่น" (天順) แปลว่า "ภักดิ์ฟ้า" อยู่ในราชสมบัติ 7 ปี ก็เสด็จนฤพานใน ค.ศ. 1464 สิริพระชนม์ 36 พรรษา ก่อนสิ้นพระชนม์ จู ฉีเจิ้น ได้ออกพระราชกฤษฎีกายกเลิกประเพณีฝังนางสนมกำนัลทั้งเป็นเพื่อตามไปถวายการรับใช้ในปรโลก พระราชกฤษฎีกานี้เป็นที่ยกย่องอย่างยิ่งในภายหลัง[2]

จู เจี้ยนจฺวิ้น โอรสจู ฉีเจิ้น สืบบัลลังก์ต่อ ใช้พระนามว่า "เฉิงฮว่า" (成化) แปลว่า "ปฏิรูปเป็นผล"

ใกล้เคียง

จักรพรรดินโปเลียนที่ 1 จักรพันธ์ ครบุรีธีรโชติ จักรพรรดิโชวะ จักรพรรดิเมจิ จักรพรรดิ จักรพรรดิคังซี จักรพันธ์ แก้วพรม จักรพรรดิเปดรูที่ 1 แห่งบราซิล จักรพรรดินีโคไลที่ 2 แห่งรัสเซีย จักรพรรดิบ๋าว ดั่ย