ประวัติ ของ จิ่ง_ไต้อิง

ชีวิตช่วงแรกและก้าวแรกในวงการ (พ.ศ. 2504-2524)

จิ่งไต้อิง หรือที่สื่อเรียกย่อ ๆ ว่า จิ่งอิง (Jingyin) เกิดเมื่อวันที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2504 (แต่ทางครอบครัวสมัยก่อนไปแจ้งเกิดเธอในปีพ.ศ. 2505) ในครอบครัวชนชั้นกลางฐานะดี หลังจากเรียนจบในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายที่ โรงเรียนมัธยมจิงหยานยิน เธอได้ตัดสินใจเข้าสมัครคัดเลือกเป็นนักแสดงในสังกัดของ สถานีโทรทัศน์ทีวีบี รุ่นที่ 8 ในปีพ.ศ. 2522 (1979) ด้วยบุคลิกที่โดดเด่นสดใสร่าเริงทำให้เธอผ่านการคัดเลือกและต้องเข้าอบรมหลักสูตรทางการแสดงกับทางช่องเป็นระยะเวลา 1 ปีโดยเพื่อนนักแสดงร่วมรุ่นเดียวกัน มี ทัง เจิ้นเยี่ย, เฉิน หมิ่นเอ๋อ, หวง เจ้าสือ (黃造時) และ โจวซิ่วหลัน (周秀蘭) เป็นต้น แต่เพื่อนร่วมรุ่นที่สนิทคือ หวงเจ้าสือ (ผู้รับบท “องค์หญิงหัวจึง” ในละครเรื่อง มังกรหยกภาค 1 เวอร์ชันองเหม่ยหลิง-หวงเย่อหัว)[10][11]และในช่วงที่เธอกำลังเรียนการแสดงในชั้นเรียนอยู่นั้นก็ได้พบรักกับ ทังเจิ้นเยี่ย เพื่อนร่วมชั้นเรียนด้วยกัน ทั้งสองคบหาดูใจกันตั้งแต่ยังไม่ดังและเปิดเผยต่อสาธารณะโดยไม่ปิดบังอันใด แต่ต่อมาด้วยนิสัยที่แตกต่างก็ทำให้ทั้งคู่เกิดความขัดแย้งกันจนเป็นสาเหตุให้เลิกลาในเวลาต่อมาในขณะที่เธอยังคงเรียนการแสดงกับทางค่ายอยู่นั้น ก็มีโอกาสเล่นเป็นตัวประกอบในละครเรื่อง ชอลิ้วเฮียง เวอร์ชัน เจิ้งเส้าชิวแสดง ถือเป็นผลงานละครเรื่องแรกในชีวิตการแสดงของเธอ หลังจากเรียนจบการแสดงในปีถัดมา (พ.ศ. 2523) แรกเริ่มทางช่องให้เธอรับหน้าที่เป็นหนึ่งในสามพิธีกรดาวรุ่งมาแรงของทางช่องในรายการ "สุขสันต์วันนี้" (Happy Today) ซึ่งมีเธอร่วมทำหน้าที่พิธีกรกับอีกสองนักแสดงสาวสวยดาวรุ่ง ชี เหม่ยเจิน และเดปอรา มัวร์ ทั้งสามสาวถูกเรียกฉายาจากสื่อว่า "สามสาวบุปผาแรกแย้ม"(Happy Three Little Flowers) และในช่วงแรกที่เธอกำลังรับหน้าที่เป็นพิธีกรอยู่นั้น ก็ได้พบกับ เหอโส่วซิ่น (何守信) พิธีกรหนุ่มใหญ่มากความสามารถที่ตอนนั้นมีข่าวว่ากำลังคบหาดูใจกับดาราสาวชื่อดัง วังหมิงฉวน ว่ากันว่านางเอกรุ่นพี่คนนี้อุตส่าห์ฟ้องหย่าสามีเพื่อมาคบกับเขาอย่างเปิดเผย เมื่อทางช่องให้เขาเข้ามาดูแลเป็นที่ปรึกษากับทั้งสามสาวและดูท่าทางพิธีกรชายรุ่นพี่คนนี้จะดูแล จิ่งไต้อิงเป็นพิเศษมากกว่าสองสาวที่ทำพิธีกรร่วม จนกลายเป็นที่มาของข่าวลือเรื่องรักสามเส้าระหว่างเธอกับเหอโส่วซิ่น และดารารุ่นพี่ชื่อดัง วังหมิงฉวน ถึงแม้ทั้งตัวเธอและพิธีกรหนุ่มใหญ่จะออกมาปฏิเสธข่าวลือดังกล่าวว่าไม่เป็นความจริงและทั้งสองคบกันแบบพี่น้องก็ตาม แต่ก็มีข่าวลือออกมาอีกว่าข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ทำให้ วังหมิงฉวน เครียดไม่น้อย ต่อมาไม่กี่เดือนข่าวซุบซิบก็ยุติลงเมื่อทางช่องได้ตัดสินใจย้าย จิ่งไต้อิงไปอยู่ฝ่ายแผนกละครเต็มตัว ทำให้ทั้งเธอและ เหอโส่วซิ่น ห่างกันไป ถือได้ว่าเป็นการยุติข่าวลือตั้งแต่นั้น

หลังจากถูกย้ายไปแผนกละคร เธอก็เริ่มอาชีพนักแสดงอย่างเต็มตัวและได้แจ้งเกิดกับบท อาตี้ หญิงสาวที่มีฐานะยากจนแต่จิตใจงดงาม ถึงแม้จะเป็นบทสมทบแต่เป็นบทที่โดดเด่นในละครกึ่งสากลยอดฮิตตลอดกาลเรื่องเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้(The Bund I)ถือได้ว่าเป็นผลงานแจ้งเกิดของเธอในวงการบันเทิง จากความสำเร็จเธอยังได้ร่วมแสดงในละครภาคต่อของ เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ อีกด้วยต่อมาเธอก็มีผลงานที่โดดเด่นตามมาอีกหลายเรื่อง ได้แก่ รักพยาบาท (Adventurer's 1980) และการโคจรมาร่วมงานกันกับแฟนเก่า ทังเจิ้นเยี่ย ในละครสากลยุคใหม่เรื่อง มรสุมสายรุ่ง (Come Rain Come Shine 1981) ถึงแม้ทั้งสองจะเลิกลากันไปแล้วแต่ทั้งคู่ต่างเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดีต่อกัน

มีชื่อเสียงเพิ่มมากขึ้น (พ.ศ. 2525-2526)

เธอร่วมแสดงกับดาราสาว ชีเหม่ยเจิน ในผลงานแนวกำลังภายในอภิหาร 6 ตอนจบ เรื่องฤทธิ์ฝ่ามืออรหันต์ (七彩如來神掌 (THE BUDDHA'S MAGIC PALM 1982) และมาถึงผลงานละครสุดฮิตแห่งปีเรื่อง 8 เทพอสูรมังกรฟ้า (Demi-Gods and Semi-Devils 1982)โดยเฉพาะเรื่องหลังนี้ประสบความสำเร็จมากและนำพาซึ่งความนิยมให้แก่ตัวเธอเพิ่มขึ้น และในปีเดียวกัน เธอเป็นหนึ่งในตัวเก็งที่คาดว่าอาจจะได้รับบท อึ้งย้ง ร่วมกับ เฉิน ฟู่เซิง ชี เหม่ยเจิน หวง ซิ่งซิ่ว แต่สุดท้ายบท อึ้งย้ง กลับตกเป็นของ นักแสดงหญิงดาวรุ่งมาแรง องเหม่ยหลิง

ปีต่อมาพ.ศ. 2526 เธอได้ร่วมแสดงกับโจวเหวินฟะ กับละครสากลแนวแอ็คชั่นเรื่อง เจ้าพ่อพยัคฆ์ร้าย

ยุคทอง (พ.ศ. 2527-2529)

นับตั้งแต่ปีพ.ศ. 2527 เป็นต้นไป เข้าสู่ยุคที่เธอได้รับความนิยมอย่างแท้จริงประเดิมด้วยบทบาทองค์หญิงสี่ ในละครแนวราชวงศ์เรื่อง ยุทธจักรชิงจ้าวบัลลังค์ (The Foundation 1984) ที่เธอได้ร่วมแสดงกับดาราชื่อดังแถวหน้าของทางช่อง เช่น หวงเย่อหัว เหมียวเฉียวเหว่ย ทัง เจิ้นเยี่ย และดาราสาวชื่อดัง องเหม่ยหลิง ซึ่งเรตติ้งก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างดีตามต่อด้วยละครยอดนิยมแห่งปีเรื่อง จอมยุทธอุ้ยเสี่ยวป้อ (The Duke of Mount Deer 1984) ที่มีดาราชายดาวรุ่งมาแรง เหลียงเฉาเหว่ยและดาราชายชื่อดัง หลิวเต๋อหัว แสดงนำโดยในเรื่องนี้เธอรับบทเป็น องค์หญิงเจี้ยนหนิง (建宁) ที่มีนิสัยเอาแต่ใจตัวเองและดื้อ และเป็นหนึ่งในเมียทั้งเจ็ดคนของ อุ้ยเสี่ยวป้อซึ่งเธอก็สามารถสวมบทบาทละครตัวนี้ออกมาได้อย่างดีเยี่ยม จนเป็นที่ชื่นชอบของเหล่าคนดูละครในตอนนั้นเป็นอย่างมาก ถือได้ว่าเป็นผลงานการแสดงที่โดดเด่นและเป็นที่จดจำมากที่สุดในชีวิตการเป็นนักแสดงของเธอและอีกหนึ่งผลงานละครแนวสากลย้อนยุคเรื่องชะตา ชีวิต (Summer Kisses, Winter Tears 1984) เป็นการร่วมงานกับ เหมียวเฉียวเหว่ย ทังเจิ้นเยี่ย และดารานักร้องชื่อดัง เหมยเยี่ยนฟาง ซึ่งในละครเรื่องนี้เธอได้มีโอกาสโชว์ความสามารถทางด้านการร้องเพลงประกอบละครอีกด้วย

ถัดมาปีพ.ศ. 2528 ผลงานละครดังเรื่อง จิ้งจอกภูเขาหิมะ (The Flying Fox of Snowy Mountain 1985) นำแสดงโดยดาราชั้นนำมากมาย เช่น หลี่เหลียงเหว่ย เจิงหัวเชี่ยน จ้าว หย่าจือ เฉิน ซิ่วจู ชี เหม่ยเจิน ซึ่งเป็นอีกผลงานละครที่โด่งดังมากอีกเรื่องหนึ่งของปีนั้น เมื่อได้ออกฉายก็นำพาชื่อเสียงให้แก่เหล่านักแสดงในเรื่องรวมไปถึง จิ่งไต้อิง มากยิ่งขึ้นซึ่งในเรื่องนี้เธอรับบทเป็น เที้ยเล้งซู่

ต่อมาในปีพ.ศ. 2529 ผลงานละครเรื่องสุดท้ายก่อนที่เธอจะออกจากสถานีโทรทัศน์ทีวีบี ในช่วงกลางปี คือละครกำลังภายในฟอร์มใหญ่เรื่อง เล็กเสี่ยวหงส์ (The Return of Luk Siu-fun 1986) ฉบับว่านจือเหลียง แสดงนำ โดยมีนักแสดงสาว เฉินซิวจูรับบทเป็นนางเอก โดยในเรื่องนี้เธอรับบทนางรอง ซิปิง ที่ขโมยซีนบทนางเอกของเรื่องเป็นอย่างมาก และยังเป็นอีกผลงานการแสดงที่สร้างชื่อเสียงให้กับเธอเป็นอย่างมากอีกเรื่อง พอถึงกลางปีเธอได้ตัดสินใจไม่ต่อสัญญาการเป็นนักแสดงกับทางค่ายและออกจากสถานีโทรทัศน์ทีวีบี พร้อมกับดาราสาวนักบู๊ หยาง พ่านพ่าน ที่หมดสัญญาในปีเดียวกัน ทั้งสองดาราสาวบินไปไต้หวันเพื่อเซ็นสัญญาเป็นนักแสดงกับทาง สถานีโทรทัศน์ทีทีวี (TTV) และมีผลงานละครที่ทั้งสองดาราสาวได้แสดงร่วมกันในเรื่อง เดชเซียวฮื้อยี้ (新絕代雙驕 1986) ฉบับไต้หวัน 30 ตอนจบ ก็ได้รับความนิยมที่ไต้หวันเป็นอย่างดี

ออกจากวงการ (พ.ศ. 2530-2561)

ในปีพ.ศ. 2530 จิ่งไต้อิง ได้ประกาศหันหลังให้กับวงการบันเทิงอย่างเต็มตัว ด้วยวัยแค่ 25 ปีโดยเธอให้เหตุผลว่า เธอรู้สึกอิ่มตัวกับงานแสดงและมีความขี้เกียจไม่มีความกระตือรือร้นเหมือนแต่ก่อน เธอรู้สึกในวงการไม่มีอะไรใหม่ที่ท้าทายเธออีกต่อไป อีกอย่างเวลามีข่าวลือต่าง ๆ เธอไม่ชอบการตอบคำถามนักข่าวเพราะเธอขี้เกียจอธิบาย หลังจากนั้นชื่อเสียงของเธอก็ค่อย ๆ เลือนหายไปจากผู้ชมและสื่อ

ในช่วงปีแรก ๆ ที่เธอถอนตัวออกจากวงการก็มีข่าวว่า เธอไปทำงานขายประกันที่บริษัท ประกันชีวิตแห่งหนึ่ง ในฮ่องกงและใช้ชีวิตแบบคนธรรมดาทั่วไปไม่หวือหวาเหมือนตอนเป็นดารา และช่วงนี้เองที่เธอได้ไปติดต่อขายประกันชีวิตให้กับหนุ่มเศรษฐี หยาง เจียนัน และพบรักกับเขาซึ่งในตอนนั้นเขาคนนี้ดำรงอยู่ในตำแหน่งผู้บริหารของสถานีโทรทัศน์ทีวีบี ไม่นานหลังจากคบหาดูใจกันทั้งสองได้ตัดสินใจแต่งงานกันอย่างเงียบ ๆ โดยที่ไม่มีใครรู้เลยว่าพวกเขาแต่งงานกันเมื่อใด จนมารู้อีกทีตอนที่ทั้งคู่มีบุตรสาวด้วยกัน 1 คนพวกเขามีชีวิตครอบครัวที่อบอุ่นและเป็นส่วนตัวมากไม่ชอบเปิดเผยต่อสาธารณะเลยไม่มีข่าวใด ๆ ปรากฏในหน้าหนังสือพิมพ์

หลังจากเงียบหายไปจากสื่อนานเฉียด 30 ปีจนชื่อของเธอแทบจะไม่มีใครเอ๋ยถึง แต่แล้วในปีพ.ศ. 2557 ตัวเธอในวัย 52 ปีก็กลับมาเป็นข่าวตามสื่อในจีน, ฮ่องกง และใต้หวันอีกครั้ง เมื่ออดีตดาราสาวสมทบชื่อดัง จิ่งไต้อิงได้สมัครบัญชีเข้าใช้งานที่เว๊ปไซต์ชื่อดัง ซินล่างเวย์ปั๋ว (weibo) และได้โพสต์ข้อมูลส่วนตัวพร้อมกับรูปภาพปัจจุบันของเธอลงไปและเนื่องจากใบหน้าของเธอที่ดูอ่อนเยาว์ กว่าอายุจริงมาก ปรากฏว่ามีหลายสื่อจำเธอได้และนำภาพเหล่านั้นมาลงเป็นข่าวสร้างความฮือฮาในระดับหนึ่งให้แก่ตัวเธอกลับมาเป็นที่สนใจได้มากพอสมควรโดยที่ตัวเธอเองก็ไม่ได้ตั้งใจจะให้เป็นข่าวแต่อย่างใดเพราะเธอชอบชีวิตปัจจุบันที่เงียบสงบ จนต่อมามีข่าวว่ามีเพื่อนเก่าในวงการบันเทิงพยายามติดต่อชักจูงให้เธอหวนกลับเข้ามาในวงการแสดงอีกครั้ง แต่เธอบอกว่าต้องปรึกษากับสามีก่อนและตัวเธอเองก็ชอบชีวิตที่เรียบง่ายในปัจจุบันมากกว่าและไม่เคยคิดที่จะกลับเข้าไปในวงการอีก ต่อมาข่าวเกี่ยวกับตัวเธอก็เงียบหายใป

กลับเข้าสู่การแสดงอีกครั้ง (พ.ศ. 2562-)

ล่าสุดต้นปีพ.ศ. 2562 มีข่าวว่อนสะพัดไปทั่วฮ่องกงว่าอดีตนักแสดงสมทบชื่อดัง จิ่งไต้อิงในวัย 57 ปีตัดสินใจกลับเข้าสู่วงการแสดงอีกครั้งหลังจากห่างหายจากจอละครไปนานกว่า 32 ปีโดยเธอได้รับงานแสดงละครสากลยุคใหม่แนวดราม่าในเรื่อง ราชินีปลดเกษียณ (退休女皇 2019) ให้กับทางสถานีโทรทัศน์ ค่ายViuTV ซึ่งเป็นสถานีแห่งหนึ่งที่ทางเกาหลีร่วมหุ้นกับทางฮ่องกงมาเปิดไว้ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2552 โดยเธอได้ให้สัมภาษณ์ในการกลับมาแสดงอีกครั้งว่า แรกเริ่มเธอไม่คิดจะที่จะกลับมารับงานละครอีกเลยถึงแม้เพื่อนสนิทในวงการจะพยายามหว่านล้อมให้เธอกลับมารับเล่นละครอีกครั้งก็ตาม แต่ที่เธอได้ตัดสินใจกลับมารับเล่นละครให้กับทางค่ายViuTV ก็เพราะว่าเธอได้ลองอ่านบทที่ทางช่องยื่นมาให้และเธอถูกใจบทที่เธอจะได้แสดงในละครเรื่องนี้มากเพราะมันเป็นเรื่องของความสัมพันธ์ที่ขัดแย้งระหว่างแม่กับลูกชาย และอีกอย่างคือส่วนตัวเธอเองก็ชอบดูซีรีส์จากประเทศเกาหลีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ซึ่งตัวเธอเองก็ไม่ได้ดูละครฮ่องกงมานานมาก ๆ แล้ว เมื่อนักข่าวได้ถามว่าเธอเคยได้กลับไปดูผลงานละครเก่า ๆ ที่ตัวเธอเองแสดงไว้กับทางสถานีโทรทัศน์ทีวีบีบ้างไหม คำตอบอันน่าตกใจก็คือเธอไม่อยากกลับไปดูละครที่เธอเคยแสดงไว้กับสถานีโทรทัศน์ทีวีบี เพราะเธอรู้สึกว่าตัวเธอไม่สวย

แหล่งที่มา

WikiPedia: จิ่ง_ไต้อิง http://m.8794.cn/baoliao/2015/29535.html http://esee99.com/tw/%E6%98%9F%E6%B2%B3%E5%B0%87%E... http://hk.apple.nextmedia.com/entertainment/art/20... http://weibo.com/3866229929 http://www.chinapress.com.my/20180812/56%E6%AD%B2%... http://www.m58.net/product/3141.htm http://www.wongwanchoi.net/series/luk2-Cast.htm https://kknews.cc/entertainment/gb2pey8.html https://hk.on.cc/hk/bkn/cnt/entertainment/20190621... https://baike.baidu.com/item/%E6%99%AF%E9%BB%9B%E9...