เฉิน_หมิ่นเอ๋อ

เฉิน หมิ่นเอ๋อ (จีน: 陳敏兒; พินอิน: Chén mǐn'er เฉิน หมิ่นเอ๋อร์; กวางตุ้ง: Chan2 man5 ji4 ฉั่น ม่านหยี่; 17 ตุลาคม พ.ศ. 2502-) มีชื่อภาษาอังกฤษว่า "บาร์บารา เฉิน" (Barbara Chan) เป็นอดีตนักแสดงหญิงเจ้าบทบาทชาวฮ่องกง ในสังกัดของสถานีโทรทัศน์ทีวีบี ในช่วงยุคทศวรรษที่ 80 เธอเคยได้รับความนิยมและมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักทั่วเอเชีย จนถึงต้นยุคทศวรรษที่ 90 เธอได้ตัดสินใจหันหลังให้กับวงการมายา เพื่อไปเป็นแม่บ้านอย่างเต็มตัวให้กับสามีนักแสดงสมทบชื่อดัง "เลี่ยวฉี่จื้อ" (廖啟智) โดยทั้งสองมีลูกชายด้วยกันทั้งหมด 3 คน แต่ปัจจุบันเหลือลูกชาย 2 คน เพราะคนเล็กได้เสียชีวิตไปด้วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเมื่อปีพ.ศ. 2549[1][2][3][4][5]บาร์บารา เฉินหมิ่นเอ๋อ หลังจากเรียนจบในชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายแล้ว เธอได้ตัดสินใจไม่เรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยและไปลงสมัครคัดเลือกเข้าเรียนการแสดงกับทางสถานีโทรทัศน์ทีวีบี ในรุ่นที่ 8 เมื่อปีพ.ศ. 2522 (1979) โดยในรุ่นนั้นมีนักแสดงที่ต่อมามีชื่อเสียง เช่น ทังเจิ้นเยี่ย, เหลียงเจียหัว, จิ่ง ไต้อิง (景黛音), หวงเจ้าสือ (黃造時), โจวซิ่วหลัน (周秀蘭) และนักแสดงสมทบชื่อดัง เลี่ยวฉี่จื้อ (สามีคนปัจจุบันของเธอ) ด้วยผลการเรียนที่ดีเธอจึงได้มีโอกาสเล่นละครในขณะที่ยังเรียนการแสดงไม่จบโดยทางช่องมอบบทตัวประกอบให้เธอได้แสดงประเดิมในละครเรื่อง ชอลิ้วเฮียง (Chor Lau Heung 1979) และดาบมังกรหยก (The Sword of Romance 1979) ซึ่งทั้งสองเรื่องเป็นเวอร์ชันที่ เจิ้งเส้าชิว แสดงนำ หลังจากเรียนจบในปีถัดมาเธอก็เริ่มอาชีพนักแสดงอย่างเต็มตัว และมีโอกาสแสดงเป็นตัวประกอบในละครดัง ๆ หลายต่อหลายเรื่องเช่น เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้(The Bund I), เลือดต่างสี(The Brothers 1980), สองเทพบุตรโลกันต์ (Kung Fu Master of Fat Shan 1981), ไอ้หนุ่มเฮงระเบิด (Brothers Four 1981) เป็นต้นจนปีต่อมาทางช่องได้ผลักดันบทนางรองให้กับเธอเป็นครั้งแรกในละครกึ่งสากลยอดนิยมเรื่อง เหยี่ยวถลาลม(The Lonely Hunter 1981)โดยมีนักแสดงชายดาวรุ่งมาแรง อย่างหวงเย่อหัว และเหมียวเฉียวเหว่ย ร่วมแสดงนำ ถึงแม้ละครเรื่องนี้จะประสบความสำเร็จและแจ้งเกิดให้กับทั้งสองนักแสดงชายดาวรุ่งแต่ทว่าตัวเธอเองกลับไม่โด่งดังอย่างที่ควรจะเป็นด้วยปัจจัยหลายอย่างทำให้ในตอนนั้นบทบาทของเธอในเรื่องนี้กลับไม่ค่อยเป็นที่พูดถึงกันมากนัก ว่ากันว่าเธอโดนความดังของ เจิ้งอวี้หลิง ที่ร่วมแสดงนำ ขโมยความโดดเด่นจนกลบบทบาทของเธอเสียเกือบหมด จนต่อมาเธอถึงได้มาแจ้งเกิดจริง ๆ กับบทบาทนางเอกเต็มตัวในละครแนวสากลยุคใหม่เรื่อง มือปราบจ้าวอินทรีย์(The Emissary 1982) ที่มีหลิวเต๋อหัวเป็นพระเอก ถือได้ว่าเป็นละครเรื่องแรกที่ทำให้เธอเริ่มเป็นที่พูดถึงกันจริง ๆหลังจากนั้นเธอก็มีผลงานละครตามมาอีกหลายเรื่องแต่ทว่าละครเหล่านั้นก็ไม่ได้ทำให้เธอมีชื่อเสียงมากนัก เช่น เพื่อนรักนอกพิภพ(The Superpower 1983) ที่มีพระเอกชื่อดัง โจวเหวินฟะ กับเหลียงเฉาเหว่ย แสดงนำ และเรื่องเทพบุตรทรนง(The Rough Ride 1985) ที่เธอได้มีโอกาสเล่นประกบกับดาราดัง หลี่เหลียงเหว่ย โดยมีเหลียงเฉาเหว่ย และ องเหม่ยหลิง แสดงนำ ถึงแม้บทบาทในละครเรื่องนี้ของเธอจะถูกหลายสื่อชื่นชมว่าดีกว่าบทที่ องเหม่ยหลิงได้รับ แต่ทว่าเธอกลับโดนความดังของดาราสาว องเหม่ยหลิง กลบบทบาทที่โดดเด่นของเธอในละครไปเสียเกือบหมด จนมาถึงละครเรื่อง ซิติงซาน พิชิตตะวันตก (General Father General Son 1986) ที่เธอได้มีโอกาสร่วมแสดงนำกับพระเอกชื่อดัง หวงเย่อหัว ซึ่งบทบาทในละครเรื่องนี้ทำให้เธอมีชื่อเสียงเพิ่มมากขึ้นและได้รับความนิยมขึ้นมา จนมาโด่งดังเป็นอย่างมากกับภาพลักษณ์สาวสมัยใหม่ซอยผมสั้น ในละครแนวสากลสุดฮิตเรื่อง ศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย (Foundlings Progress 1987) ซึ่งเป็นละครฟอร์มกลาง ๆ ที่ตอนแรกหลายคนมองข้ามแต่พอได้ลงจอฉายจริงกลับดันฮิตถล่มทลายอย่างไม่น่าเชื่อส่งให้ เฉินหมิ่นเอ๋อ ก้าวขึ้นมาเป็นนักแสดงหญิงแถวหน้าของทางช่องด้วยอีกคน อีกทั้งละครเรื่องนี้ยังแจ้งเกิดให้กับดาราชายดาวรุ่งที่ทางช่องกำลังผลักดันส่งเสริมอยู่ในขณะนั้น อย่าง หลี่หมิงและหลินจุ้นเสียน อีกด้วย หลังจากละครเรื่องนี้เป็นต้นมาก็เข้าสู่ยุคทองทางการแสดงของเธออย่างแท้จริง ผลงานของเธอที่ได้รับความนิยมมีหลายเรื่อง เช่น หลินชง แม่ทัพแห่งซ่ง (The Unyielding Master Lim 1986), ยอดทรนง (When Silken Hands Get Rough 1987), จอมจักรพรรดิ จูหยวนจาง (Born to Be a King 1987), จอมยุทธแผ่นดินเลือด (Twilight of a Nation 1988), เลือดรัก เลือดแค้น (For Once in a Life Time 1989), มังกรคะนองรัก (The Legend of the Dragon Pearl 1990), คู่แค้นเลือดต่างสี(The Witness of Time 1990) ทุกเรื่องล้วนแล้วแต่ได้รับความนิยมเป็นอย่างดี โดยเฉพาะทั้งละครเรื่อง ตำนานอักษรกระบี่ ฉบับปีพ.ศ. 2530 (The Book and the Sword 1987) และ ค่าแห่งชีวิต(And Yet We Live 1988) ที่เรื่องนี้เธอได้แสดงฝีมือเต็มที่ประกบกับดาราชายเจ้าบทบาทว่านจือเหลียง นับได้ว่าทั้งสองเรื่องนี้เป็นผลงานมาสเตอร์พีซในช่วงชีวิตการเป็นนักแสดงของเธอเนื่องจากภาพลักษณ์ที่ดีของเธอ จึงทำให้เธอมักได้บทที่เล่นเป็นอาจารย์, นักสังคมสงเคราะห์และทนายความ เป็นส่วนใหญ่ ส่วนบทบาทอื่น ๆ นอกจากงานแสดงแล้ว เธอยังทำหน้าที่เป็นพิธีกรภาคสนามของรายการกีฬา "สปอร์ต เวิลด์" (Sports World) และเคยทำหน้าที่เป็นพิธีภาคสนามของทางประเทศฮ่องกงร่วมกับนักแสดงหญิง หลิวเหม่ยเจียน ในงานแข่งขันกีฬาโอลิมปิก เมื่อปีพ.ศ. 2531 (1988) อีกด้วยซึ่งในตอนนั้นทั้งสองนักแสดงสาวต่างได้รับคำชื่นชมจากสื่อฮ่องกงเป็นอย่างมาก จนกระทั่งในเดือนกรกฏาคม พ.ศ. 2536 สัญญาการเป็นนักแสดงครั้งสุดท้ายกับทางสถานีโทรทัศน์ทีวีบีได้หมดลง เธอได้ตัดสินใจไม่ต่อสัญญากับทางช่องและถอนตัวออกจากวงการบันเทิงอย่างเต็มตัวเพื่อไปทำหน้าที่แม่บ้านให้กับสามี เป็นเหตุให้นับตั้งแต่นั้นชื่อเสียงของเธอเริ่มจางหายไปจากจอละครโทรทัศน์ ผลงานการแสดงละครเรื่องสุดท้ายเป็นละครแนวซิทคอมเรื่อง ครอบครัวหรรษา ปี 93 (Class Of '93) ทั้งเลี่ยวฉี่จื้อ และเฉินหมิ่นเอ๋อทั้งคู่ได้เข้าพิธีแต่งงานกันเมื่อวันที่11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2530 และปัจจุบันทั้งสองยังคงครองรักกันอย่างหวานชื่นอยู่เสมอ ทางฝ่ายชายยังคงทำงานในแวดวงบันเทิงส่วนเธอยังคงปรากฏตัวเป็นข่าวครั้งคราวในสื่อของ องค์กรคริสเตียน

เฉิน_หมิ่นเอ๋อ

อาชีพ -นักแสดง
-พิธีกร
คู่ครอง เลี่ยว ฉี่จื้อ (2530–ปัจจุบัน)
ปีที่แสดง พ.ศ. 2522–2536
เกิด 17 ตุลาคม พ.ศ. 2502 (61 ปี)
เฉิน หมิ่นเอ๋อ
ฮ่องกง
สังกัด สถานีโทรทัศน์ทีวีบี
ผลงานเด่น -มือปราบจ้าวอินทรีย์ (พ.ศ. 2525)
-ซิติงซาน พิชิตตะวันตก (พ.ศ. 2529)
-ศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย (พ.ศ. 2530)
- ตำนานอักษรกระบี่ (พ.ศ. 2530)
-ค่าแห่งชีวิต (พ.ศ. 2531)