ซาราห์ เชอร์ชิล ดัชเชสแห่งมาร์ลบะระ (
อังกฤษ: Sarah Churchill, Duchess of Marlborough) หรือชื่อเดิมคือ
ซาราห์ เจ็นนิงส์ (Sarah Jennings) เป็นสตรีสูงศักดิ์ชาวอังกฤษ เป็นผู้มีบทความสำคัญในการเป็นพระสหายสนิทของ
สมเด็จพระราชินีนาถแอนน์แห่งบริเตนใหญ่ ในรัชสมัยของพระองค์ซาราห์ได้รับตำแหน่งสูงสุดสำหรับสตรีในราชสำนักในฐานะเจ้ากรมพระภูษามาลา ความสัมพันธ์อันสนิทสนมของแอนน์และพระนางเจ้าแอนน์เป็นที่รู้กันทั่วไปจึงทำให้ผู้ที่ต้องการอะไรจากพระนางเจ้าแอนน์ต้องเข้ามาขอให้ซาราห์ช่วย นอกจากนั้นซาราห์ก็ยังมีบทบาทสำคัญในการก่อสร้าง
วังเบลนิมเพื่อเป็นเกียรติแก่สามีผู้เป็นวีรบุรุษในการสงครามในสมัยที่การแต่งงานของผู้มีฐานะเป็นการแต่งงานเพื่อเพิ่มฐานะทางการเงินแต่ซาราห์มีความสัมพันธ์อันดีกับสามี
จอห์น เชอร์ชิล ดยุกแห่งมาร์ลบะระ ผู้ที่ซาราห์สมรสด้วยเมื่อปีค.ศ. 1677 ซาราห์เข้าข้างเจ้าหญิงแอนน์ระหว่าง
การปฏิวัติอันรุ่งโรจน์และหลังจากที่
พระเจ้าเจมส์ที่ 2สละราชสมบัติ เมื่อเจ้าหญิงแอนน์ขึ้นเสวยราชย์หลังจาก
พระเจ้าวิลเลียมที่ 3สวรรคตในปีค.ศ. 1702 เป็น
พระนางเจ้าแอนน์ ดยุกแห่งมาร์ลบะระและ
ซิดนีย์ กอดอลฟีน เอิร์ลแห่งกอดอลฟีนที่ 1 (Sidney Godolphin, 1st Earl of Godolphin) ก็ได้รับตำแหน่งสำคัญทางการเมือง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่างซาราห์กับพระนางเจ้าแอนน์ เมื่อดยุกแห่งมาร์ลบะระนำทัพไปต่อสู้ใน
สงครามสืบราชบัลลังก์สเปนในยุโรป ซาราห์ก็เขียนจดหมายไปถึงสามีเล่าถึงความเป็นไปในราชสำนัก และนอกจากนั้นซาราห์ก็ยังเป็นผู้มีอิทธิพลในการให้คำปรึกษาแก่พระนางเจ้าแอนน์เมื่อดยุกแห่งมาร์ลบะระส่งรายงานการสงครามกลับมาถวายจากสนามรบ
[2]ความเป็นหัวแข็งและความเป็นคนชอบเอาชนะของซาราห์เป็นสาเหตุหนึ่งที่ก็ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพระนางเจ้าแอนน์และซาราห์มาสิ้นสุดลงในที่สุดในปีค.ศ. 1711 ซาราห์และสามีถูกปลดจากหน้าที่ในราชสำนัก แต่ก็ได้กลับรับราชการอีกครั้งในสมัย
ราชวงศ์ฮันโนเฟอร์หลังจากพระนางเจ้าแอนน์เสด็จสวรรคต แต่ต่อมาซาราห์ก็ยังคงมีความขัดแย้งอย่างรุนแรงกับคนสำคัญๆ รอบข้างอีกหลายคนเช่น
เฮนรีเอ็ตตา กอดอลฟีน ดัชเชสที่ 2แห่งมาร์ลบะระ ลูกสาวคนที่สอง;
จอห์น แวนบรูห์ (John Vanbrugh)
สถาปนิกผู้ออกแบบและสร้าง
วังเบลนิม;
รอเบิร์ต วอลโพล เอิร์ลแห่งออร์ฟอร์ด ผู้มักจะถูกบรรยายว่าเป็น “
นายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักร”คนแรก;
พระเจ้าจอร์จที่ 2 และ
พระราชินีคาโรลีน หลังจากที่ดยุกแห่งมาร์ลบะระถึงแก่อสัญกรรมซาราห์ก็ได้รับเงินจำนวนที่มากพอที่จะทำให้เป็นผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดในยุโรปคนหนึ่ง
[3][4] ซาราห์เสียชีวิตราววันที่
18 ตุลาคม ค.ศ. 1744 เมื่ออายุได้ 84 ปี