การแข่งขัน ของ ดิอะเมซิ่งเรซเอเชีย

ผู้เข้าแข่งขัน

ผู้เข้าแข่งขันใน ดิ อะเมซิ่ง เรซ เอเชีย จะประกอบไปด้วยผู้เข้าแข่งขัน 10 ทีม ทีมละ 2 คนซึ่งรู้จักกันมาก่อนแล้ว สำหรับใน ดิ อะเมซิ่ง เรซ เอเชีย มีผู้เกี่ยวข้องและทีมงานที่ถ่ายทำเพียง 30 คนเท่านั้นที่เข้าร่วมในแต่ละซีซั่นของดิ อะเมซิ่ง เรซ เอเชีย ซึ่งถือเป็นดิ อะเมซิ่ง เรซที่มีผู้เกี่ยวข้องน้อยที่สุด ในบรรดาดิ อะเมซิ่ง เรซ ต่าง ๆ ทั่วโลก เพราะในฉบับอเมริกานั้น มีทีมงานประสานงานกันอีกมากกว่า 50 คนเป็นอย่างน้อย

อลัน วู (ซ้าย) กำลังยืนรอผู้เข้าแข่งขันที่หมู่บ้านวัฒนธรรมอาม่า ในเลกที่ 7 ของ ดิ อะเมซิ่ง เรซ เอเชีย 3

ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคนที่เข้าร่วมในการแข่งขันต้องสามารถสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษ ได้ เนื่องจากความแตกต่างด้านภาษาในทวีปเอเชีย ในการคัดเลือกผู้เข้าแข่งขัน ผู้เข้าแข่งขันจะมาจากหลาย ๆ ประเทศในเอเชีย และไม่จำกัดเฉพาะประเทศใดประเทศหนึ่ง โดยรวมแล้ว ผู้เข้าแข่งขันจะมาจากประเทศในเอเชียทั้งหมด ยกเว้นจากประเทศในตะวันออกกลาง แต่ถ้าผู้เข้าแข่งขันคนใดที่ทำงานอยู่ในทวีปเอเชียเป็นเวลานาน แม้ว่าผู้เข้าแข่งขันคนนั้นจะไม่ใช่ชาวเอเชีย ผู้เข้าแข่งขันนั้นก็ยังสามารถถูกคัดเลือกมาแข่งในนามของประเทศที่ตนไปทำงานได้[2] (เช่น แอนดี้กับลอร่า (ซีซั่นที่ 1) ที่แข่งในนามของประเทศไทยแต่มาจากสหราชอาณาจักร)

ตั้งแต่ซีซั่นที่ 2 ผู้เข้าแข่งขันที่อาศัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่น สามารถเข้าร่วมการแข่งขันได้ หลังจากใน ซีซั่นที่ 1 ผู้เข้าแข่งขันที่พักอาศัยอยู่ในญี่ปุ่นไม่สามารถเข้าร่วมการแข่งขันได้

เนื้อหาการแข่งขันโดยสรุป

เช่นเดียวกับเวอร์ชันอเมริกา แต่ละทีมจะได้รับเงินพร้อมกับคำใบ้เมื่อทีมจะออกเดินทางในเลกต่อไป (ยกเว้นทีมที่ถูกยืดเงินในด่านที่แล้ว และจะไม่ได้รับเงินใช้ ที่เป็นผลมาจากการเข้าเป็นที่สุดท้ายในเลกที่ไม่มีการคัดออก) เป็นเงินสกุล ดอลลาร์สหรัฐ หากทีมใช้เงินในด่านก่อนหน้าไม่หมด ทีมสามารถเก็บเงินเพื่อนำไปใช้ในด่านถัดไปได้ ยกเว้นในการซื้อตั๋วเครื่องบินที่ทีมจะต้องจ่ายค่าตั๋วเครื่องบินด้วยบัตรเครดิตที่ทางรายการจัดให้ สำหรับในดิ อะเมซิ่ง เรซ เอเชีย ธงประดับการแข่งขัน (Route Marker) มีสีเหลืองและแดง ยกเว้นใน ซีซั่นที่ 3 ที่ในช่วงที่มีการไปเยือนในประเทศเวียดนาม Route Marker ถูกเปลี่ยนสีเป็นสีเหลืองและขาวเพื่อไม่ให้เกิดความสับสนกับธงของประเทศเวียดนามใต้ ซึ่งคล้ายกับที่ทำใน ซีซั่นที่ 10 ของเวอร์ชันสหรัฐ

สำหรับในเวอร์ชันเอเชีย ทีมจะไม่ออกเดินทางจากเมืองเริ่มต้นโดยทันที แต่ทีมจะยังอยู่ที่เมืองเริ่มต้นในเลกแรกทั้งช่วงในเลกนั้น (ซีซั่นที่ 1) หรือบางส่วนในเลกนั้น (ซีซั่นที่ 2 และ 3) สำหรับซีซั่นที่ 2 ทีมจะต้องทำงานเพิ่มเติม ณ บริเวณใกล้เคียงสถานที่เริ่มต้นในแต่ละเลก สำหรับเรื่องเที่ยวบิน เนื่องจากในเวอร์ชันเอเชียไม่มีการกำหนดเที่ยวบินที่เดินทางระหว่างประเทศไว้ล่วงหน้า ทีมจึงสามารถจองตั๋วเครื่องบินจากสายการบินใด ๆ ก็ได้ที่ทีมเห็นว่าดีที่สุด ยกเว้นในซีซั่นที่ 1 ที่ทีมจะต้องเดินทางโดยสายการบินแอร์เอเชีย เนื่องจากสายการบินแอร์เอเชียเป็นผู้สนับสนุนรายการ

เครื่องหมายและโจทย์คำสั่งต่างๆ

เจฟกับทิช่า ใช้คำสั่งย้อนกลับเอ.ดี.กับฟัซซี่ ในเลกที่ 9 ของ ดิ อะเมซิ่ง เรซ เอเชีย 3

สำหรับเครื่องหมายและโจทย์คำสั่งต่าง ๆ ใน ดิ อะเมซิ่ง เรซ เอเชีย ทั้งหมดนำมาจากของ เวอร์ชันอเมริกา ทั้งหมด ฤดูกาลที่ 2 มีการใช้คำสั่งจุดร่วมมือ (Intersection) เป็นครั้งแรก และฤดูกาลที่ 3 มีการใช้คำสั่งย้อนกลับ (U-Turn) เป็นครั้งแรก แม้ว่าการใช้งานโดยรวมจะคล้ายกับเวอร์ชันอเมริกัน แต่ยังมีข้อแตกต่างบางส่วนที่พบเห็นได้ใน ดิ อะเมซิ่ง เรซ เอเชีย

สำหรับข้อกำหนดในงานอุปสรรค สมาชิกในทีมสามารถทำงานอุปสรรคได้นานแค่ไหนก็ได้ แต่หากงานอุปสรรคนั้นต้องทำตามลำดับผู้ที่มาถึงก่อน โดยปกติแล้วคำสั่งจะกำหนดไว้ว่าทีมต้องทำให้เสร็จในเวลาที่กำหนด หากทีมไม่สามารถทำให้เสร็จในเวลาที่กำหนดได้ จะถือว่าทีมไม่สามารถทำอุปสรรคให้สำเร็จในลำดับนั้นได้ และทีมจะต้องไปต่อหลังทีมที่มาถึงหลังจากพวกเขาเพื่อทำใหม่ (ยกเว้นกรณีที่ทีมจะไม่ทำ Roadblock และโดนโทษปรับเวลา)

ในซีซั่นที่ 1 ทางด่วน (Fast Forward) ครั้งแรกปรากฏขึ้นในเลกที่ 2 (ซึ่งโดยปกติทางด่วนมักปรากฏขึ้นในช่วงกลางของการแข่งขัน) ในซีซั่นที่ 2 และซีซั่นที่ 3 มีทางด่วนให้ใช้เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น และไม่ใช่ส่วนหนึ่งของจุดร่วมมือ (Intersection) สำหรับการถ่วงเวลา (Yield) ในซีซั่นที่ 1 มีเลกที่มีการถ่วงเวลาประเภท 2 เลกติดกัน

ในซีซั่นที่ 3 มีการถ่วงเวลา (Yield) และการสั่งย้อนกลับ (U-Turn) ปรากฏขึ้นในคนละเลกกัน (การย้อนกลับจะนำมาใช้แทนการถ่วงเวลาตั้งแต่ ซีซั่น 12 ของเวอร์ชันอเมริกัน) เนื่องจากแต่ละทีมสามารถใช้คำสั่ง Yield และ U-Turn ได้เพียงทีมละครั้งตลอดการแข่งขัน จึงเป็นไปได้ว่าทีมสามารถใช้คำสั่งย้อนกลับได้ แม้ว่าจะใช้คำสั่งถ่วงเวลาในเลกก่อน ๆ ไปแล้ว (เช่นเจฟกับทิช่าในซีซั่นที่ 3) และจนถึงปัจจุบันนี้ ยังไม่มีงานใด ๆ ที่ไม่ได้ออกอากาศทางโทรทัศน์ [ต้องการอ้างอิง]

ซาบรีน่ากับโจ เจอร์ (ซีซั่นที่ 1) เป็นทีมเดียวของเวอร์ชันเอเชียที่สามารถเอาชนะการแข่งขันได้ โดยที่ไม่ได้ใช้คำสั่งถ่วงเวลาหรือทางด่วนเลย รวมถึงเป็นทีมหญิงล้วนทีมที่สองที่ชนะการแข่งขันรายการนี้ (ถัดจาก แพทริเซียกับเซน ในเวอร์ชันบราซิล) ในทุกๆ เวอร์ชันที่ทำการผลิตอีกด้วย

เลกต่าง ๆ ในการแข่งขัน

เนื้อหาโดยสรุป

โดยทั่วไปรูปแบบการแข่งขันทั้งเวอร์ชันอเมริกา และเวอร์ชันเอเชียจะเหมือนกัน นั่นคือแต่ละทีมต้องเดินทางไปตามเส้นทางที่กำหนดไปตามสถานที่ต่าง ๆ ทำภารกิจต่าง ๆ และเข้าเช็กอินที่จุดหยุดพักให้ได้เร็วที่สุด

ทีมมักจะต้องทำภารกิจให้สำเร็จก่อนทุกภารกิจ และเข้าเช็กอินที่จุดหยุดพัก ก่อนที่ทีมจะถูกคัดออกเมื่อเข้าเช็กอินที่จุดหยุดพักนั้น แต่ในบางครั้งหากเลกใดเป็นเลกที่มีการคัดออก และทีมสุดท้ายตามหลังทุกทีมที่เข้าเช็กอินก่อนหน้านั้นมาก ข้อมูลเส้นทางอาจชี้ให้ทีมนั้น ๆ ไปที่จุดหยุดพักโดยไม่ต้องทำภารกิจที่เหลือ ซึ่งจะทำให้ทีมนั้น ๆ ถูกคัดออกจากการแข่งขันทันทีที่ไปถึงจุดหยุดพัก ข้อยกเว้นสำหรับกฎนี้ใน ดิ อะเมซิ่ง เรซ เอเชีย คือหากทีมไม่สามารถรับข้อมูลเส้นทางต่อไปได้ เพราะทีมนั้น ๆ จะต้องทำงานบางชิ้นเพื่อที่จะได้รับมันมา หริอสถานที่สำหรับทำงานนั้น ๆ ได้ปิดทำการแล้วและทีมยังทำงานไม่เสร็จ ในกรณีนี้ ทีมงานถ่ายทำจะบอกให้ทีมนั้น ๆ ไปที่จุดพักได้เลย เพื่อให้อลันคัดออก หรือตัวอลันเองอาจเดินทางมา ณ สถานที่ที่ทีมอยู่ และคัดทีมออกที่นั่น (เช่นที่เกิดขึ้นกับโซฟีกับออเรเลีย และเบร็ทท์กับคินาร์โยชิในซีซั่นที่ 2 และไหมกับโอลิเวอร์ใน ซีซั่นที่ 3)

ในบางเลก ทางรายการจะมีรางวัลให้สำหรับผู้ที่มาถึงเป็นทีมแรก ซึ่งของรางวัลนั้นมักจะมาจากผู้สนับสนุนรายการในซีซั่นนั้น ๆ ซีซั่นที่ 3 เป็นซีซั่นแรกที่มีการมอบรางวัลให้ทุกทีมที่เข้ามาถึงเป็นทีมแรก ในทุก ๆ เลกของการแข่งขัน

ดิ อะเมซิ่ง เรซ เอเชีย ยังมีอีกเลกหนึ่งที่รู้จักกันในชื่อ ซุปเปอร์เลก ที่คำใบ้จะบอกให้ผู้เข้าแข่งขันให้ "ตามหาตัวอลัน วู" โดยคำใบ้นี้ปรากฏขึ้นในซีซั่นที่ 2 แต่อลันเจะทำให้ข้าใจผิดและอ้างว่าสถานที่ที่เขาอยู่นั้นคือจุดหยุดพัก และข้อแตกต่างของจุดพักในเวอร์ชันอเมริกากับเอเชียนั้นคือ ในเวอร์ชันอเมริกาการเข้าจุดพักกจะมีพรหมพร้อมกับป้ายอยู่ด้านข้างโดยที่ภายในป้ายจะมีโลโก้รายการอยู่แต่เปลี่ยนตรงคำว่า ดิ อะเมซิ่ง เป็น ชื่อเมือง ที่เข้าจุดพักและคำว่า เรซ เป็น ชื่อประเทศ ที่เข้าจุดพัก ส่วนในเวอร์ชันเอเชียนั้นจะมีแค่พรหมเข้าจุดพักเท่านั้น ไม่ได้มีป้ายบอกชื่อประเทศและเมืองแต่อย่างใด

สำหรับข้อมูลเส้นทางที่ให้ทีมไปยังเส้นชัย จะไม่ได้กล่าวว่า "ไปเส้นชัย" โดยตรง แต่จะกล่าวว่า "ไปยังจุดหยุดพักสุดท้าย" แทน สิ่งที่แตกต่างกับ เวอร์ชันอเมริกา จะมีพรหมในเรื่องเส้นชัยก็คือ ในเวอร์ชันอเมริกาจะมีพรมสีแดงปูเป็นขั้นบันได และมีโลโก้รายการขนาดใหญ่อยู่บนพื้น แต่ในเวอร์ชันเอเชียจะมีเพียงพรมเช็กอินสำหรับ 3 ทีมสุดท้ายเท่านั้น

เลกที่ไม่มีการคัดออก

ในการแข่งขัน จะมีการวางจำนวนของเลกที่ไม่มีการคัดออกไว้ล่วงหน้า เลกที่ไม่มีการคัดออกจะทำให้ทีมที่มาถึงสุดท้ายในเลกนั้น ๆ ไม่ถูกคัดออกและสามารถแข่งต่อได้ ในซีซั่นที่ 1 คำใบ้ที่ให้ทีมไปที่จุดหยุดพักมักจะเปลี่ยนคำว่า "อาจ" เป็นคำว่า "จะ" ในคำใบ้เดิมที่กล่าวว่า "ทีมที่มาถึงสุดท้ายอาจถูกคัดออก" เป็น "ทีมที่มาถึงสุดท้ายจะถูกคัดออก" ในเลกที่มีการคัดออก ในซีซั่นที่ 2 คำใบ้ที่ให้ทีมไปยังจุดหยุดพักที่ไม่ใช่จุดหยุดพักสุดท้าย (เส้นชัย) จะใช้ "อาจ" ซึ่งเหมือนกับเวอร์ชันอเมริกาที่ในช่วงหลัง ๆ คำใบ้ที่ให้ทีมไปยังจุดหยุดพักที่ไม่ใช่เลกแรกจะใช้ว่า "อาจ" ตลอด แต่เลกแรกจะใช้ว่า "จะ"ถูกคัดออก

ในสองฤดูกาลแรกของเวอร์ชันเอเชีย เลกแรกของการแข่งขันเป็นเลกที่ไม่มีการคัดออก ซึ่งในเวอร์ชันอเมริกา เลกแรกของการแข่งขันเป็นเลกคัดออกเสมอ

ในซีซั่นที่ 1 ทีมสุดท้ายที่มาถึงในเลกที่ไม่มีการคัดออก จะต้องถูกยืดเงินทั้งหมดที่ทีมมี และจะไม่ได้รับอนุญาตให้หาเงินใช้ ก่อนที่เลกต่อไปจะเริ่ม ซึ่งคล้ายกับที่ทำในเวอร์ชันอเมริกา ซีซั่นที่ 6 แต่ที่แตกต่างจากเวอร์ชันอเมริกาคือ ซีซั่นที่ 7 ถึง ซีซั่นที่ 9 ของเวอร์ชันอเมริกา ทีมจะต้องทิ้งสัมภาระส่วนตัวทั้งหมด แต่ในเวอร์ชันเอเชียทีมไม่ต้องทำเช่นนั้น

ใน ซีซั่นที่ 2 และ ซีซั่นที่ 3 มีการใช้บทลงโทษ 2 แบบสำหรับทีมที่มาถึงสุดท้ายในเลกที่ไม่มีการคัดออก บทลงโทษที่เพิ่มเข้ามาคือ ทีมที่ไม่ถูกคัดออกจะต้องเข้าเป็นที่ 1 ให้ได้ในเลกต่อไป หากไม่สามารถทำได้ ทีมจะถูกปรับเวลา 30 นาที กฎนี้รู้จักกันในชื่อ Marked As Elimination ซึ่งคล้ายกับที่ทำในเวอร์ชันอเมริกา ซีซั่นที่ 10 และ ซีซั่นที่ 11 อย่างไรก็ดีบทลงโทษเรื่องการยืดเงินยังคงมีการนำมาใช้ในหนึ่งเลกของการแข่งขัน เพื่อหลีกเลี่ยงความเป็นไปได้ที่ทีมยังคงอยู่ต่อในการแข่งขัน หลังจากโดนโทษปรับเวลาแล้ว ในกรณีที่ทีมเข้าเป็นที่สุดท้ายในเลกที่ไม่มีการคัดออกอีกครั้ง

กฎกติกาในการแข่งขัน และบทลงโทษ

กฎกติกา

กฎกติกาส่วนมากจะนำมาจากเวอร์ชันอเมริกาเกือบทั้งหมด เว้นแต่ในบางกรณีที่ ดิ อะเมซิ่ง เรซ เอเชีย มีกฎกติกาเป็นของตนเอง

  • แต่ละทีมจะต้องเซ็นสัญญาลับที่มีเนื้อหาว่า ผู้เข้าแข่งขันจะไม่เปิดเผยข้อมูลทั้งหมดในการแข่งขันก่อนที่การแข่งขันจะออกอากาศทางโทรทัศน์ หากทีมไม่ปฏิบัติตามสัญญานี้ ทีมจะถูกปรับเป็นเงิน 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[3]
  • หากสมาชิกของทีมบาดเจ็บระหว่างการแข่งขัน สมาชิกคนนั้นต้องเข้ารับการประเมินผลทางการแพทย์ว่าพวกเขาสามารถแข่งต่อได้หรือไม่[4]ในเวอร์ชันอเมริกา หากการบาดจ็บนั้นไม่ร้ายแรงหรือไม่ถึงแก่ชีวิต ทีมสามารถเลือกที่จะแข่งต่อหรือยุติการแข่งขันก็ได้ ซึ่งกรณีนี้เกิดขึ้นกับมาร์แชลกับแลนซ์ใน ซีซั่นที่ 5
  • ทีมจะต้องปฏิบัติตามกฎจราจรโดยเคร่งครัด หากทีมทำผิดกฎจราจร ทีมจะต้องจ่ายค่าปรับเองและถูกหักแต้มในใบขับขี่ ในกรณีที่ตำรวจเรียกตรวจ[5]

บทลงโทษ

ดูบทความหลักที่: บทลงโทษในดิ อะเมซิ่ง เรซ
  • หากทีมขับรถโดยใช้ความเร็วเกินกำหนด เวลาที่ใช้ในการคำนวณโทษปรับเวลาจะคิดจากความเร็วที่เกินกำหนด (เป็นกิโลเมตรต่อชั่วโมง) คูณด้วย 2 นาที[6] อย่างไรก็ดีบทลงโทษนี้จะมีผลเมื่อทีมจะต้องออกเดินทางในเลกต่อไป ซึ่งทำให้เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของแต่ละทีม แม้ว่าการใช้ความเร็วเกินกำหนดจะผิดกฎของดิ อะเมซิ่ง เรซ เวอร์ชันอเมริกาเช่นกัน (เช่นที่เกิดขึ้นใน ซีซั่นที่ 2 และ ซีซั่นที่ 13) แต่บทลงโทษเรื่องการใช้ความเร็วเกินกำหนดของอเมริกาไม่ได้คิดจากความเร็วไมล์ต่อชั่วโมงที่เกิน แต่จะเป็นโทษปรับเวลา 30 นาทีเมื่อทีมมาถึงจุดพักแทน
  • ในเวอร์ชันอเมริกา ทีมที่ไม่สามารถทำงานอุปสรรค (Roadblock) ให้สำเร็จได้จะต้องรับโทษปรับเวลา 4 ชั่วโมง โดยเริ่มคิดจากเวลาที่ทีมต่อไปมาถึง ณ สถานที่ทำงาน แต่ในเวอร์ชันเอเชีย โทษปรับเวลานี้จะมีผลที่จุดหยุดพักก่อนทีมเข้าเช็กอิน ไม่ใช่ที่สถานที่สำหรับทำงานอุปสรรค[7]
  • การนั่งรถไปกับคนท้องถิ่น (Hitchhiking) เป็นข้อห้ามข้อหนึ่งในการแข่งขัน หากทีมไม่ปฏิบัติตามกฎข้อนี้ทีมจะถูกปรับเวลา 1 ชั่วโมง[8] (เกิดขึ้นกับซาฮิลกับพาร์ชานในซีซั่นที่ 1) ในเวอร์ชันอเมริกา ทีมที่ Hitchhiking จะไม่ถูกทำโทษเวลา แต่หากคำใบ้บอกว่าพวกเขาจะต้องเดินทางไปยังสถานที่ต่อไปอย่างไร ทีมจะต้องกลับไปเดินทางจากสถานที่ที่ตนทำผิดกฎ และเดินทางอย่างที่คำใบ้บอกไว้ ก่อนที่จะมาถึง ณ สถานที่ถัดไป (นาธานกับเจนนิเฟอร์ ในซีซั่นที่ 12) แต่ในกรณีนี้นาธานกับเจนนิเฟอร์ทำผิดระหว่างทางไปยังจุดหยุดพัก และพวกเธอสามารถย้อนกลับไปเดินทางให้ถูกต้องได้ แต่ซาฮิลกับพาร์ชานทำผิดระหว่างที่ทำงานก่อนหน้าในเลกที่ 5 และไม่สามารถแก้ไขได้ เนื่องจากพวกเขาไม่ทราบเรื่องนี้และรับคำใบ้ไปแล้ว

แหล่งที่มา

WikiPedia: ดิอะเมซิ่งเรซเอเชีย http://www.asiaprnews.com/entertainment/the-amazin... http://amazing-race-asia.axn-asia.com/ http://amazing-race-asia.axn-asia.com/season1/race... http://amazing-race-asia.axn-asia.com/season1/race... http://amazing-race-asia.axn-asia.com/season1/race... http://amazing-race-asia.axn-asia.com/season1/race... http://amazing-race-asia.axn-asia.com/season1/race... http://www.star-ecentral.com/news/story.asp?file=/... http://www.thailand4.com/entertainment/the-amazing... http://showbizandstyle.inq7.net/entertainment/ente...