16,000,000 HKD (ฉายปี 1992)
ตายกี่ชาติก็ขาดเธอไม่ได้ เราเลยไม่ยอมตาย (
อังกฤษ : Saviour Of The Soul ,1991 : ภาษาจีน : 魔宮奇俠 ) เป็นภาพยนตร์
ฮ่องกง แนวแอ็กชั่น แฟนตาซี กำลังภายใน ออกฉายปลายปี ค.ศ.1991 กำกับโดย หยวน ขุย , เจฟฟรีย์ เลา และเดวิด ลาย นำแสดงโดย
หลิว เต๋อหัว ,
เหมย ยั่นฟาง เป็นผลงานอำนวยการสร้างเรื่องแรก ภายใต้บริษัท Teamwork Motion Pictures ของหลิว เต๋อหัว ภาพยนตร์มีภาคต่อ คือ
ตายกี่ชาติก็ขาดเธอไม่ได้ 2 (Saviour Of The Soul 2 ,1992) ตายกี่ชาติก็ขาดเธอไม่ได้ (Saviour Of The Soul ,1991) หรืออีกชื่อ Lanar Romance เป็นภาพยนตร์ดัดแปลงจากนวนิยายบทประพันธ์ของ
กิมย้ง ในเรื่อง
มังกรหยก ตอน จอมยุทธอินทรี (The Return of the Condor Heroes) ซึ่งเป็นการดัดแปลงนวนิยายแนวใหม่ เพียงอาศัยพล็อตเรื่องจากนวนิยายแต่มาสร้างตัวละครขึ้นมาใหม่ โดยหยิบยืมบุคลิกตัวละคร หรือคาแรกเตอร์จากหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่น เรื่อง
ซิติ้ ฮันเตอร์ (City Hunter) มาใช้แทน
หลิว เต๋อหัว ใช้คาแรกเตอร์ของ
ซาเอบะ เรียว ,
เคนนี่ บี ใช้คาแรกเตอร์ของ มาคิมุระ , เยี่ย เหวินอี้ ใช้คาแรกเตอร์ของ คาโอริ น้องสาวของมาคิมุระ ภาพยนตร์คงไว้ซึ่งเค้าโครงหลักของนวนิยาย เรื่องราวการเฝ้าคอยความรักระหว่าง เอี้ยก้วย กับ เซียว เหล่งนึ่ง ที่ต้องรอคอยพบกันนานถึง 16 ปี ตัวละครเสี่ยวชิง รับบทโดย หลิว เต๋อหัว คือ ตัวแทนเอี้ยก้วย , ตัวละครเหม่ยชิง รับบทโดย
เหมย เยี่ยนฟาง คือ ตัวแทน เซียว เหล่งนึ่ง , สำนักสุสานโบราณ ดัดแปลงเป็นตำหนักเพชร เจ้าสำนักเป็นเลดี้(Lady) ตำหนักเพชร รับบทโดย
หลิว เจียหลิง , ดาบเหล็กนิลของเอี้ยก้วย ดัดแปลงเป็น กระบี่พริ้วไหวใจสะท้าน ของเสี่ยวชิง , ตัวละครที่เพิ่มมาใหม่ คือ นักฆ่าจิ้งจอกเงิน รับบทโดย
กัว ฟู่เฉิง , ตัวละครหลักอื่นๆ หยิบยืมจากหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่น เรื่อง
ซิติ้ ฮันเตอร์ (City Hunter) ภาพยนตร์เรื่องนี้ ออกฉายที่ฮ่องกงเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 1991 เป็นโปรแกรมส่งท้ายปีเก่าของเกาะ
ฮ่องกง และฉายยาวต่อเนื่องข้ามปีใหม่ถึงต้นปี 1992 ประสบความสำเร็จทางรายได้อย่างถล่มทลายในยุคนั้น จนเป็นต้นแบบภาพยนตร์ดัดแปลงจากนวนิยายที่ไม่แอบอิงบทประพันธ์ดั้งเดิม ซึ่งเป็นแนวทางใหม่ต่างจากภาพยนตร์ดัดแปลงจากนวนิยายเรื่องอื่นๆก่อนหน้านั้น อย่างเรื่อง
โปเยโปโลเย เย้ยฟ้าแล้วก็ท้า (A Chinese Ghost Story ,1987)
เดชคัมภีร์เทวดา (The Swordsman ,1990) เกิดกระแสสร้างภาพยนตร์ดัดแปลงนวนิยายที่แตกต่างจากบทประพันธ์ดั้งเดิมหลายต่อหลายเรื่องในยุคนั้น อย่างเช่น
เดชคัมภีร์เทวดา ภาค 2 ในตัวละครตงฟางปุ๊ป้าย ,
เซี่ยวฮื้อยี้ กระบี่ไม่มีคำตอบ เป็นต้น และเกิดปรากฏการณ์สร้างภาพยนตร์ดัดแปลงจาก
หนังสือการ์ตูนในวงการภาพยนตร์โลก ทั้งเป็นต้นแบบให้กับหนังดัดแปลงจากหนังสือการ์ตูนที่สร้างตามมา อย่างเช่น หนังดัดแปลงจากหนังสือ
การ์ตูนญี่ปุ่น เรื่อง ซิติ้ฮันเตอร์ ใหญ่ไม่ใหญ่ข้าก็ใหญ่ (City Hunter ,1993) ของ
เฉินหลง , โลกบอกว่าข้าต้องใหญ่ (Love on Delivery ,1994) ของ
โจว ซิงฉือ ซึ่งดัดแปลงจากหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่อง
ถึงจะเห่ยแต่ก็สู้นะเฟ้ย ภาพยนตร์ดัดแปลงจากหนังสือ
การ์ตูนจีน เรื่อง
กู๋ หว่าไจ๋ ,
ฟงอวิ๋น ขี่พายุทะลุฟ้า เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีการสร้างภาพยนตร์ในรูปแบบและสไตล์แอ็กชั่น
แฟนตาซี กำลังภายใน ตามกระแสเรื่องนี้หลายต่อหลายเรื่อง อย่างเช่น สวยประหาร ภาค 1 , 2 (The Heroic Trio ,1993) อำนวยการสร้างและกำกับโดย
ตู้ ฉีฟง , ทีมเชือดแห่งโลกานุวัตร (The Black panther warriors ,1993) อำนวยการสร้างและนำแสดงโดย เติ้ง กวงหยง , กระบี่พริ้วไหวใจสะท้าน ซึ่งเป็นกระบี่ของหลิว เต๋อหัว ใช้ในภาพยนตร์เรื่องนี้ ได้เป็นแรงบันดาลใจให้กับค่าย
สถานีโทรทัศน์ทีวีบี สร้างละครซีรีส์เรื่อง กระบี่ลมกรด (The Revelation of The Last Hero ,1992) มอบบทพระเอกให้ กัว ฟู่เฉิง นำแสดง , นักฆ่าจิ้งจอกเงิน ที่รับบทโดย
กัว ฟู่เฉิง โดดเด่นอย่างมากจนผู้กำกับคนดัง
หวังจิง นำมาสร้างภาพยนตร์ภาคแยก(Spin off)ตามมา ในเรื่อง จิ้งจอกเงินพันหน้า (Millionaire Cop ,1993) กัว ฟู่เฉิง รับบทพระเอกนำแสดง และ
โจว ซิงฉือ นำไปล้อเลียนในภาพยนตร์ของเขา ในเรื่อง ถังไปหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศ (Flirting Scholar ,1993) หลายต่อหลายฉาก อย่างเช่น ฉากการเหาะเป็นซูเปอร์แมนของหลิว เต๋อหัว , ฉากเปิดผ้าคลุมหน้าเลดี้ตำหนักเพชร(
หลิว เจียหลิง) เพื่อตามหาเหม่ยชิง บนโคมไฟลอยเคว้งอยู่บนอากาศ โจว ซิงฉือนำมาใช้ตอนเปิดผ้าคุลมหน้าตามหา ชิวเชียน (
กงลี่) เป็นต้น เพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้ ขับร้องโดยหลิว เต๋อหัว ในบทเพลง 不可不信缘 และบทเพลง 来生缘 (ไหล เซิงหยวน) ซึ่งเพลงนี้เป็นเพลง
ภาษาจีนกลางหรือแมนดาริน โดยเขาเอาทำนองเพลง 起走過的日子 (ยัด เห่ย เหยา กว๋อ ดิก ยัด จี่) เพลง
ภาษาจีนกวางตุ้ง ซึ่งเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง Casino Raider 2 (1991) หรือ ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ ตอน แตะได้ถ้าไม่กลัวโลกแตก นำมาใส่เนื้อร้องใหม่ และนำมาร้องประกอบฉากตอนที่ เสี่ยวชิง (
หลิว เต๋อหัว) พาเหม่ยชิง (
เหมย เยี่ยนฟาง) ไปโรงพยาบาลเพื่อรักษาพิษ "เทพธิดากาลี" ทะลวงร่างได้รับบาดเจ็บสาหัส ในระหว่างขับรถไปส่งโรงพยาบาล เสี่ยวชิงได้นึกถึงคำพูดของเจ้ากุ้ย (
เคนนี่ บี) ว่า "ตอนที่ฉันทำงานนั่งโต๊ะ ก็อยากจะมีชีวิตโลดโผน แล้วมาเป็นมือล่าสังหาร แต่มาตอนนี้ คิดอยากกลับไปทำงานนั่งโต๊ะอย่างเดิม แก(เสี่ยวชิง - หลิว เต๋อหัว)ไม่มีวันเข้าใจหรอก" : ในประเทศไทย พอหนังกลับมาทำรีมาสเตอร์ใหม่ในรูปแบบวีซีดี(VCD) ได้ตัดฉากนี้ออก แต่ผู้ชมภาพยนตร์ทั่วโลก และผู้ชมชาวไทยที่ได้ชมภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์ หนังกลางแปลง และม้วนวีดีโอ(VDO) จดจำฉากและบทเพลงนี้ได้เป็นอย่างดี และยังได้อิงกระแส"สองบทเพลงแต่ทำนองเดียวกัน" โดยนำมาแปลงเป็นภาษาไทยในบทเพลง "เจ็บช้ำ" และบทเพลง "ระกำใจ" ขับร้องโดยนักร้องสาวชื่อดัง พัชรา แวงวรรณ ทั้งสองบทเพลง ด้านรางวัลทางภาพยนตร์ ได้เข้าชิงรางวัลตุ๊กตาทองฮ่องกง (Hong Kong Film Awards) ครั้งที่ 11 ประจำปี 1991 มากถึง 5 สาขา ประกอบด้วย นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม
กัว ฟู่เฉิง , ถ่ายภาพยอดเยี่ยม ปีเตอร์ เปา (Peter Pau), ลำดับภาพ(ตัดต่อ)ยอดเยี่ยม พุน หัง - ไห่ คิทไหว่ , กำกับศิลป์ยอดเยี่ยม เอ๋อ จงหมั่น , ออกแบบฉากต่อสู้ยอดเยี่ยม หยวน ทัค และคว้ารางวัลตุ๊กตาทองมาได้ 2 สาขา ได้แก่ ถ่ายภาพยอดเยี่ยม ปีเตอร์ เปา (Peter Pau) และกำกับศิลป์ยอดเยี่ยม เอ๋อ จงหมั่น (Yee Chung-Man) ด้านคุณค่าของภาพยนตร์ ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้สร้างคุณค่าให้วงการภาพยนตร์ฮ่องกง เอเชียและ
ฮอลลีวูด อย่างมากมาย ได้สร้างปรากฏการณ์หลายต่อหลายอย่างไว้ในภาพยนตร์เพียงเรื่องเดียว ได้แก่ ปรากฏการณ์ภาพยนตร์ดัดแปลงจากนวนิยายที่ไม่แอบอิงบทประพันธ์ดั้งเดิม , ปรากฏการณ์ภาพยนตร์ดัดแปลงจาก
หนังสือการ์ตูนขึ้นสู่จอภาพยนตร์ โดยใช้เทคนิคงานด้านภาพ ดัดแปลงภาพในช่องสี่เหลี่ยมในหน้าหนังสือการ์ตูน ถ่ายทอดออกสู่ช่องสี่เหลี่ยมบนจอภาพยนตร์ , ปรากฏการณ์ภาพยนตร์แนวแอ็กชั่นสากล -
แฟนตาซี -
กำลังภายใน เรื่องแรกของวงการหนังจีนฮ่องกง , ปรากฏการณ์ด้านการถ่ายภาพของวงการภาพยนตร์ ส่งให้ ปีเตอร์ เปา (Peter Pau)โดดเด่นและก้าวขึ้นสู่เวทีระดับโลก ในประเทศไทย นำเข้าและจัดจำหน่ายโดยบริษัท
นนทนันท์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ออกฉายหลังฮ่องกงเพียงหนึ่งสัปดาห์ เป็นโปรแกรมทองต้อนรับปีใหม่ พ.ศ. 2535 (ค.ศ.1992) ตั้งชื่อไทยได้อย่างโดดเด่นว่า ตายกี่ชาติก็ขาดเธอไม่ได้ (เราเลยไม่ยอมตาย)