เนื้อเรื่อง ของ ตำนานวีรบุรุษกาแล็กซี

ประวัติศาสตร์ดาวโลก

ครั้งหนึ่ง มนุษยชาติเคยอาศัยอยู่บนดาวเคราะห์ที่ชื่อว่าโลก ในปีค.ศ. 2039 ขั้วอำนาจทั้งสองของดาวโลก ได้แก่สหรัฐยูราฟริกา (United States of Eurafrica) และคอนโดมิเนียมเหนือ (Northern Condominium) ได้กระทำสงครามเบ็ดเสร็จต่อกันเป็น "สงครามสิบสามวัน" มีการใช้อาวุธนิวเคลียร์จนเมืองหลักของโลกถูกทำลายล้างลงทั้งหมด เก้าสิบปีจากนั้นเป็นยุคของความขัดแย้งและความวุ่นวาย ประชากรของมนุษยชาติร่วงเหลือเพียงหนึ่งพันล้าน ผู้คนที่เหลือรอดต้องการสถาบันรัฐบาลที่รวมเป็นหนึ่ง และเพื่อเลี่ยงสงครามมหาภัยอีก พวกเขาจึงยอมละทิ้งคติชาติเอกราชนิยม ทำให้ในปีค.ศ. 2129 รัฐบาลเอกภาพโลก (Earth Unity Government) ก็ถือกำเนิดขึ้นสมความหวังของทุกคน เมืองหลวงแห่งแรกของ UEG ถูกสร้างขึ้นที่บริสเบน บนชายฝั่งตะวันออกของออสเตรเลียริมมหาสมุทรแปซิฟิก การก่อสร้างดำเนินไปอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกัน ในปีค.ศ. 2166 มนุษยชาติสร้างฐานการสำรวจไว้ที่ไอโอ ดาวบริวารของดาวพฤหัสบดี หน่วยงานที่สำคัญที่สุดของ UGE คือกระทรวงอวกาศ มีการขนาดมหึมาไว้ที่พื้นผิวดวงจันทร์ ซึ่งในทศวรรษที่ 2200 ประชากรบนดวงจันทร์ก็พุ่งเหนือกว่าเมืองหลวงบริสเบน บางคนถึงขนาดกล่าวว่า "บริสเบนเป็นเมืองหลวงของโลก แต่ลูน่าซิตีเป็นเมืองหลวงของระบบสุริยะ" ในช่วงแรกนั้น มนุษยชาติยังคงก้าวไปไม่พ้นระบบสุริยะ แต่ในปีค.ศ. 2253 ยานสำรวจข้ามอวกาศลำแรก ถูกส่งไปที่ระบบดาวแอลฟาคนครึ่งม้า แต่เมื่อครบกำหนดเดินทาง 20 ปีมันกลับไม่ตอบสนองใดๆกลับมา สร้างความผิดหวังอย่างใหญ่หลวง ในตอนนั้น มนุษยชาติมีประชากรราวสี่พันล้านคนจากนิคมที่อยู่อาศัยต่างๆในระบบสุริยะ

สงครามสิบสามวัน ในปีค.ศ. 2039

ในปีค.ศ. 2360 ด้วยทฤษฎีพื้นฐานของดร.อันโทเนล ยาโนเชอร์ (Antonel Yanosher) นักวิทยาศาสตร์ทำความฝันของมนุษยชาติ "การเดินทางเร็วกว่าแสง" ให้กลายเป็นจริงขึ้นมาได้ ในช่วงแรก การวาร์ปสามารถทำได้ในระยะทางสั้นๆเท่านั้นและยังมีผลกระทบต่อร่างกายของมนุษย์ โดยเฉพาะความสามารถมีบุตรในสตรี อย่างไรก็ตาม ในปีค.ศ. 2391 เทคโนโลยีที่ว่านี้ก็พร้อมสำหรับใช้งานจริง ในปีค.ศ. 2402 ดาวเคราะห์ที่อยู่อาศัยได้ถูกค้นพบในระบบดาวคาโนปัส ยุคสมัยแห่งการย้ายถิ่นฐานจึงเริ่มต้นขึ้น ในปีค.ศ. 2404 เมื่อผู้อพยพคณะแรกออกเดินทาง คณะผู้มีอำนาจในรัฐบาลที่บริสเบนปรึกษากันว่า "ควรให้อำนาจปกครองตนเองแก่ผู้อพยพที่ละทิ้งโลกเหล่านี้มากน้อยเพียงใด?" และกลายเป็นการอภิปรายที่ยาวนาน

จากหน่วยงานที่เคยชื่อว่า "ทบวงสวัสดิภาพการเดินเรือ" (Navigation Safety Department) ในสังกัดกระทรวงอวกาศ ถูกยกระดับเป็น "ทบวงสันติสาธารณะ" (Department of Public Peace) ในสังกัดกระทรวงอวกาศ ในปีค.ศ. 2428 ก็กลายเป็น "กองป้องกันภัยทางอวกาศ" (Space Defense Corps) และในที่สุด ค.ศ. 2484 "กองทัพอวกาศ" (Space Force) ก็ถือกำเนิดขึ้น มีวัตถุประสงเพื่ออำนวยความปลอดภัยให้แก่การสัญจรของพลเรือน ,ปราบปรามอาชญากรรม, คุ้มครองสิทธิมนุษยชน และปกป้องฟันเฟืองทางเศรษฐกิจ หรือโดยสรุปก็คือ เพื่อรักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อยของสังคม อย่างไรก็ตาม ผู้คนในยุคสมัยนี้ได้หลงลืมไปว่าทุกกองทัพในประวัติศาสตร์โลก นอกจากจะสามารถเป่าแตรแห่งสันติและความปลอดภัยแล้ว พวกเขายังสามารถทำในสิ่งบ้าคลั่งได้อีกด้วย ซึ่งหากจะกล่าวตามตรง "กองทัพคือความรุนแรงที่ทรงอำนาจที่สุดที่ประเทศหนึ่งๆสร้างขึ้นมา" นี่ถือเป็นสามัญสำนึกสำหรับผู้รู้ประวัติศาสตร์ทุกคน

แต่ในเมื่อประเทศนี้เกิดจากการผนวกรวมมนุษยชาติเป็นหนึ่ง กองทัพขนาดเล็กถือเป็นสิ่งเพียงพอเนื่องจากไม่มีศัตรูภายนอก อย่างไรก็ตาม กองทัพอวกาศที่ว่านี้กลับมีการขยายตัวอย่างไม่มีการควบคุม สถาบันดังกล่าวเป็นสัญญาณชัดแจ้งของความเสื่อมถอยจากภายใน มีการแฉกลางสภาเอกภาพ (Unification Congress) ว่าทหารยศสูงบางคนมีขนาดห้องพักใหญ่เท่ากับห้องพักทหารชั้นผู้น้อยถึง 90 ห้อง ประเด็นนี้ตกเป็นที่วิจารณ์เท่านั้นและไม่มีการทำอะไรต่อ เนื่องจากในสภาเองก็เต็มไปด้วยล็อบบี้ยิสต์สายทหารแล้วเช่นกัน

ในช่วงนี้เอง อุปสรรคทางเทคโนโลยีและระยะทางก็ค่อยๆถูกกำจัด ปีค.ศ. 2480 เขตอิทธิพลของมนุษยชาติมีรัศมีจากดาวโลก 60 ปีแสง ในปีค.ศ. 2530 ได้ขยายไปเป็น 84 ปีแสง, ปีค.ศ. 2580 เป็น 91 ปีแสง, ปีค.ศ. 2630 เป็น 94 ปีแสง แล้วจึงชะลอลงเพราะเริ่มจะไกลเกินควบคุม แต่ทว่ากองทัพอวกาศยังคงเติบโตอย่างไม่หยุดหย่อน ในเวลานั้น ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจมีความรุนแรงมาก ดาวโลกไม่หลงเหลือทรัพยากรธรรมชาติอยู่อีกแล้ว เกษตรกรรมถูกละทิ้งไปเนิ่นนานและหันไปทำการเงินการธนาคารเสียหมด ดาวโลกกลายเป็นศูนย์กลางทางการเงินที่ใช้ควบคุมการผลิตในดาวนิคม ดาวโลกอยู่ได้ด้วยการสูบความมั่งคั่งและทรัพยากรจากดาวดวงอื่น แม้ดาวนิคมเหล่านี้จะถูกระบุว่ามีอำนาจปกครองตนเอง แต่นั่นเป็นเพียงฉากบังหน้า แม้จะเผชิญกับคำวิจารณ์บ้าง แต่กว่า 70% ของสมาชิกสภาถูกเลือกจากดาวโลก และการออกกฎหมายต่างๆจำเป็นต้องใช้เสียงเห็นชอบ 70% ของสภา ทำให้ในความเป็นจริงแล้ว โอกาสที่กฎหมายของดาวนิคมจะผ่านสภาได้แทบเป็นศูนย์

ดาวโลกนั้นไร้ซึ่งทรัพยากร ความเข็มแข็งทั้งหมดเกิดจากอำนาจทางทหารและความมั่งคั่ง ระบอบเศรษฐยาธิปไตยของดาวโลกได้แย่งชิงความมั่งคั่งไปจากประชากรดาวนิคม และความมั่งคั่งนั้นก็ย้อนกลับไปเพิ่มอำนาจทางทหาร หรือจะพูดให้ถูก ชาวนิคมเองต่างหากที่ค้ำจุนทหารเหล่านั้นเพื่อให้ทหารเหล่านั้นกลับมาขูดรีดกดขี่ตนเอง เมื่อดาวนิคมถูกกดขี่เกินความอดทน พวกเขาจึงรวมตัวกันและยื่นคำขาดต่อดาวโลกในปีค.ศ. 2682 ดาวโลกตอบโต้ด้วยการงดจ่ายเงินค่าสมาชิกสภาพในสภาของดาวนิคม และยังออกโฆษณาชวนเชื่อ "ภัยซิริอุส" เพื่อตอบโต้ หาว่าแกนนำจากดาวรอนโดลินาในระบบดาวซิริอุสเป็นพวกกระหายอำนาจ หวังสถาปนาตนเป็นศูนย์การปกครองของมวลมนุษย์เสียเองแทนที่ดาวโลก ซีรีอุสคือศัตรูร่วมของโลกและทุกดาวนิคม อย่างไรก็ตาม การออกโฆษณาชวนเชื่อเช่นนี้ทำให้ดาวนิคมคิดไปถึงขั้นว่า ซิริอุสมีอำนาจทหารขนาดจะต่อกรโลกแน่ๆ พวกเขาจึงหันไปอยู่ข้างซิริอุส ท้ายที่สุด ซิริอุสประกาศแยกตัวจากโลก และสภาปนา "สภาปฏิวัติซิริอุส" (Sirius Revolutionary Congress) ขึ้นในปีค.ศ. 2685 และเริ่มสั่งสมกำลังทางทหารเพื่อเผชิญหน้ากับดาวโลก

ในปีค.ศ. 2689 สงครามดาวโลก-ซิริอุส ได้เริ่มขึ้นและดำเนินไปถึงปีค.ศ. 2704 สงครามครั้งนี้มีความรุนแรงพอๆกับสงครามสิบสามวัน ประชากรบนดาวโลกลดเหลือจำนวน 1 พันล้านคน สงครามจบลงด้วยชัยชนะของซิริอุส มีการสถาปนาสาธารณรัฐซิริอุสขึ้นมาแทน UEG ต่อมาในปี ค.ศ.2706 เกิดรัฐประหารขึ้นในซิริอุสและนำไปสู่ผู้นำเผด็จการ อย่างไรก็ตาม ในปีค.ศ. 2707 ได้เกิดระเบิดนิวตรอนขึ้นที่เมืองหลวงของซิริอุส ทำให้สาธารณรัฐซิริอุสล่มสลาย

บทนำ

หลังมนุษยชาติฟื้นฟูตนเองจากสงครามดาวโลก-ซิริอุสแล้ว ในปี ค.ศ. 2801 มนุษยชาติได้ย้ายศูนย์กลางทางการเมืองจากดาวโลก ไปยังไปยังเธโอเรีย ดาวเคราะห์ดวงที่ 2 ในระบบดาวอัลดิบาแรนที่อยู่ห่างออกไป 65 ปีแสง[5] และจัดตั้งและตั้งสมาพันธ์กาแล็กซี (Galactic Federation) พร้อมทั้งประกาศใช้ปีอวกาศที่ 1 เป็นการเริ่มยุคสมัยรุ่งโรจน์อันยาวนาน แต่ทว่า เมื่อเวลาผ่านไปก็ต้องพบกับภาวะเศรษฐกิจชะงักงันและขาดความเชื่อมั่น จนกระทั่งมีการเลือกตั้งโดยตรงขึ้นในปี 296 รูดอล์ฟ ฟอน โกลเดินบาม (เยอรมัน: Rudolf von Goldenbaum) อดีตนายทหารผู้มากฝีมือและวีรบุรุษของกองทัพได้รับเลือกตั้งเข้าไปในวุฒิสภา และสามารถเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้ เขากลายเป็นทั้งประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรี[5] ถือเป็นบุคคลที่ทรงอำนาจที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ ในปี 308 เขาได้ประกาศตนเป็น "ประธานาธิบดีตลอดชีพ"

ในปีอวกาศ 310 รูดอล์ฟได้ยุบสมาพันธ์กาแล็กซี และจัดตั้งขึ้นเป็นจักรวรรดิกาแล็กซีโดยมีตัวเขาเป็นจักรพรรดิ และประกาศใช้ปีจักรวรรดิ (หรือ ไรชศักราช) การปกครองของรูดอล์ฟมีประสิทธิภาพมาก สามารถปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นได้อย่างหมดจด รูดอล์ฟได้กลายเป็น "ไกเซอร์ผู้ศักดิ์สิทธิ์และละเมิดมิได้" และในปีอวกาศ 318 รูดอล์ฟได้ประกาศใช้ "พระราชบัญญัติกีดกันผู้บกพร่องทางพันธุกรรม" ซึ่งเป็นมาตรการทางสุพันธุศาสตร์ ผู้ที่มีความบกพร่องทางร่างกายแต่กำเนิดจะถูกนำไปกำจัดทิ้ง มีการระงับสวัสดิการสังคม คนจนถูกบังคับให้ทำหมัน ผู้ป่วยโรคจิตเวชถูกทำการุณยฆาต[5]

การขึ้นสู่อำนาจของโกลเดินบามได้สั่นสะเทือนหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ว่า โดยพื้นฐานแล้วผู้คนไม่ชอบการคิดอะไรเองและการต้องรับผิดชอบ กลับกันนั้นพวกเขาชอบการทำตามและการปราศจากความรับผิด ในระบอบประชาธิปไตยโดยประชาชนนั้น มวลชนที่เลือกผู้ปกครองไม่ดีจะต้องถูกตำหนิหากได้รัฐบาลที่แย่ แต่ในระบอบอัตตาธิปไตยนั้นต่างออกไป พวกเขาไม่ต้องมานั่งไตร่ตรองถึงส่วนผิดของตน ผู้คนโยนความผิดทุกอย่างให้ผู้นำและเอาแต่วิพากษ์วิจารณ์อย่างสนุกปาก[5]

– นักประวัติศาสตร์ ดี. ซินแคลร์

ประชาชนมากมายตลอดจนสภาไรชส์ทาคต่างวิพากษ์วิจารณ์นโยบายของรูดอล์ฟ รูดอล์ฟได้ตอบโต้โดยการสั่งยุบสภาและปราบปรามผู้วิจารณ์ รูดอร์ฟตั้งทบวงรักษาความสงบเรียบร้อยขึ้นมาเพื่อกำจัดศัตรูและผู้เห็นต่าง รูดอล์ฟได้จัดตั้งระบบขุนนางขึ้นมาเพื่อสนับสนุนตนเอง รูดอล์ฟสวรรคตด้วยวัย 81 ชันษาในปีอวกาศ 351[5] รูดอล์ฟมีโอรส 1 คนและบุตรสาว 4 คน แต่โอรสของรูดอล์ฟเกิดมาปัญญาอ่อนและสิ้นพระชนม์ไปก่อน ทำให้หลานตาของรูดอล์ฟที่อาวุโสที่สุดได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิซีกิสมุนด์ที่ 1 ไกเซอร์องค์ที่สองแห่งราชวงศ์โกลเดินบามในวัย 25 ปี ต้นรัชสมัยของเขาต้องพบกับการลุกฮือของประชาชนที่ต่อต้านรูดอล์ฟ แต่ด้วยรากฐานที่แข็งแกร่งของจักรวรรดิและพวกขุนนาง ทำให้การลุกฮือไม่เป็นผลใดๆ

การเทียบระบบปีในเรื่อง
คริสต์ศักราช
(A.D.)
ปีอวกาศ
(Universal Calendar)
ปีจักรวรรดิ
(Reichskalender)
31103101

การก่อตั้งเสรีพันธมิตร

ในปีอวกาศที่ 473 (ปีจักรวรรดิที่ 164) นักเสรีนิยมหนุ่มที่ชื่อ อาร์เลอ ไฮเนสเซิน (Arle Heinessen) พร้อมพวกจำนวน 4 แสนคนได้หลบหนีจากดาวเคราะห์แอลแทร์ 7 (Altair VII) ซึ่งเป็นเสมือนค่ายแรงงานของจักรวรรดิ โดยใช้เรือที่ชื่อว่า อีออน ฟาเซคัซท์ (Ion Fazekath) ซึ่งสร้างมาจากน้ำแข็งแห้งขนาด 122 กิโลเมตร หลังไฮเนสเซินเสียชีวิต พวกผู้อพยพยังก่อตั้งกองเรืออพยพ ประกอบด้วยเรือเดินอวกาศ 80 ลำ พวกเขาร่อนเร่นานหลายปี จนไปพบอวกาศส่วนที่ยังไม่เคยถูกค้นพบซึ่งต่อมารู้จักกันในชื่อ ระเบียงอีเซอร์โลน (Iserlohn Corridor) และสามารถข้ามระเบียงนั้นจนไปถึงแขนคันธนู–กระดูกงู จนกระทั่งในปีอวกาศที่ 527 หลังจากเดินทางกว่า 50 ปี พวกเขาก็ตั้งรกรากในระบบดาวบาอลัต ซึ่งได้ตั้งชื่อดาวนั้นว่า "ไฮเนสเซิน" ผู้อพยพที่ตั้งรกรากคราวนั้นมีจำนวนราว 160,000 คน และได้สถาปนาเสรีพันธมิตรดาวเคราะห์ขึ้น พวกเขายังนำระบบปีอวกาศกลับมาใช้ใหม่อีกครั้ง ถือเป็นการเปิดฉากศตวรรษอันรุ่งโรจน์ของเสรีพันธมิตร อย่างไรก็ตาม ความรุ่งโรจน์ได้สะดุดลงเมื่อจักรวรรดิค้นพบระเบียงอีเซอร์โลนและค้นพบการดำรงอยู่ของเสรีพันธมิตร ความหวั่นเกรงต่อจักรวรรดิทำให้เสรีพันธมิตรจัดตั้งกองทัพขึ้นอย่างรวดเร็ว กองทัพของทั้งสองประเทศได้เปิดฉากสู้รบกันในปีอวกาศที่ 640 ที่ระบบดาวดากอน (Dagon) ในยุทธการครั้งนั้น แม้จักรวรรดิจะมีจำนวนมากกว่าแต่ก็พ่ายแพ้อย่างยับเยินให้แก่เสรีพันธมิตร

มหาสงครามระหว่างจักรวรรดิและเสรีพันธมิตรได้กินเวลายาวนานกว่า 150 ปี เมื่อแรกที่ถูกจักรวรรดิค้นพบ เสรีพันธมิตรมีประชากรไม่เกิน 150 ล้านคนเท่านั้น เมื่อข่าวการค้นพบแพร่ออกไปในเขตแดนจักรวรรดิ ก็ทำให้ชาวจักรวรรดิจำนวนมากลี้ภัยครั้งใหญ่ไปยังเสรีพันธมิตร ประชากรของเสรีพันธมิตรก้าวกระโดดอย่างมโหฬาร ในปีอวกาศที่ 798 มีประชากรอยู่ที่ราว 1.3 หมื่นล้านคน

ตัวละครหลัก

เป็นทหารของจักรวรรดิกาแล็กซี เขาเกิดในตระกูลขุนนางระดับล่าง หลังจากที่พี่สาวถูกรับเข้าไปเป็นหม่อมในองค์ไกเซอร์ เขาก็ตัดสินใจเข้าเรียนในโรงเรียนทหารตั้งแต่เด็ก และยังเป็นคนชักชวนเคียร์ชไอส์ให้เข้าเป็นทหารเหมือนเขาด้วย ความสามารถของเขาก้าวหน้าทางหน้าที่การงานอย่างรวดเร็วจนเป็นที่อิจฉาของทหารและขุนนางมากมายเป็นทหารของเสรีพันธมิตร มีบิดาเป็นเจ้าของเรือพาณิชย์อวกาศ เขาเป็นคนชอบอ่านหนังสือประวัติศาสตร์อย่างมากตั้งแต่เด็ก เขาเคยคิดจะศึกษาต่อในภาควิชาประวัติศาสตร์ แต่เมื่อบิดาเสียชีวิตโดยไม่ได้ทิ้งอะไรให้เลยนอกจากหนี้ เขาก็จำต้องเข้าเรียนโรงเรียนนายร้อยเพื่อที่จะทำให้เขาสามารถเรียนประวัติศาสตร์ได้โดยไม่ต้องห่วงเรื่องค่าเล่าเรียน หยางเป็นคนขี้เกียจและเรียนไม่เก่ง วิชาเดียวที่เขาเก่งคือวิชาประวัติศาสตร์การทหาร เขาไม่เคยแพ้ศึกใดๆจนมีฉายาว่า "พ่อมดไร้พ่าย" และก้าวหน้าทางหน้าที่การงานอย่างรวดเร็วเป็นทหารของจักรวรรดิกาแล็กซี เขามีบ้านอยู่ติดกับไรน์ฮาร์ด ทั้งสองจึงเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็ก ทั้งสองเรียนโรงเรียนเดียวกัน แต่เมื่อไรน์ฮาร์ดตัดสินใจย้ายไปโรงเรียนทหาร ไรน์ฮาร์ดเป็นคนชักชวนเคียร์ชไอส์ให้เข้าโรงเรียนทหารด้วย เคียร์ชไอส์คอยอยู่เคียงข้างไรน์ฮาร์ดเสมอ เมื่อไรน์ฮาร์ดประสบความสำเร็จทางหน้าที่การงานก็มักจะดึงเคียร์ชไอส์ตามขึ้นไปด้วยเป็นเงาตามตัว ไรน์ฮาร์ดพยายามแสดงให้คนอื่นเห็นว่าเคียร์ชไอส์เป็นเขาอีกคนหนึ่ง

ขั้วอำนาจ

ประเทศจักรวรรดิกาแล็กซี
Galaktisches Reich (เยอรมัน)
เสรีพันธมิตรดาวเคราะห์
Free Planets Alliance (อังกฤษ)
ดาวหลักโอดิน (Odin)ไฮเนสเซิน (Heinessen)
เขตอิทธิพลแขนนายพรานแขนคันธนู–กระดูกงู
ภาษาทางการเยอรมันอังกฤษ
การปกครองสหพันธรัฐแบบสมบูรณาญาสิทธิราชประชาธิปไตยในระบบประธานาธิบดี
ก่อตั้งเมื่อปีอวกาศ 310 (ค.ศ. 3110)ปีอวกาศ 527 (ค.ศ. 3327)
ประมุขแห่งรัฐไกเซอร์ประธานคณะมนตรีสูงสุด
หัวหน้ารัฐบาลนายกรัฐมนตรีประธานคณะมนตรีสูงสุด
ประชากร
(ปีอวกาศ 796)
25,000 ล้าน13,000 ล้าน
สกุลเงินไรชส์มาร์ค (Reichsmark)ดีนาร์ (Dinar)
  • แคว้นปกครองตนเองเฟซาน (อังกฤษ: Dominion of Fezzan) ก่อตั้งในปีอวกาศ 682 โดยพ่อค้าชื่อเลโอโพลด์ ลาพ (Leopold Laap) จากดาวเทร์ร่า (ดาวโลก) เขายอมรับพระราชอำนาจของไกเซอร์เหนือเฟซาน แลกกับการได้อำนาจปกครองตนเองและสิทธิประโยชน์ทางการค้ากับจักรวรรดิ อย่างไรก็ตาม เฟซานถือว่าเป็นรัฐบริวารที่มีอิสรภาพที่สุดในจักรวรรดิ มีอำนาจปกครองตนเองในทางพฤตินัยอย่างสมบูรณ์ เฟซานวางตัวเป็นกลางระหว่างจักรวรรดิและเสรีพันธมิตร และไม่มีกองทัพเป็นของตนเองเนื่องจากไม่มีประเทศศัตรู ตำแหน่งบริหารของเฟซานเรียกว่า "ลันเดสแฮร์" (Landesherr) หรือเจ้าแคว้น[5]

ใกล้เคียง

ตำนาน ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ตำนานเก็นจิ ตำนานวีรบุรุษกาแล็กซี ตำนานนางพญางูขาว ตำนานไซอิ๋วฉบับเกาหลี ตำนานเจ้าหญิงไม้ไผ่จากดวงจันทร์ ตำนานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ตำนานแห่งซิลมาริล ตำนานคธูลู

แหล่งที่มา

WikiPedia: ตำนานวีรบุรุษกาแล็กซี http://www.animenewsnetwork.com http://www.animenewsnetwork.com/encyclopedia/anime... http://www.borkormee.com/2018/08/13/light-novel-al... http://gineiden-anime.com/bddvd.html http://www.imdb.com/title/tt0096633/ http://chotto.art.coocan.jp/ http://www.ginei.jp/ https://www.anime-planet.com/anime/tags/space-oper... https://www.animenewsnetwork.com/the-list/2017-11-... https://loghthailand.blogspot.com/