เบื้องหลังและการเข้าฉาย ของ ตำรารักทะลุจอ

3D Sex and Zen: Extreme Ecstasy หรือเรียกสั้น ๆ ว่า 3D Sex and Zen เป็นภาพยนตร์ที่ถือเป็นภาคต่อของภาพยนตร์ในแนวอีโรติกก่อนหน้านั้น 3 ภาค คือ Sex and Zen (ในชื่อภาษาไทย อาบรักกระบี่คม) ในยุคทศวรรษที่ 90 ที่มีชื่อเสียงของฮ่องกง โดยดัดแปลงมาจากบทประพันธ์ในชื่อ The Central Preyer Mat (บัณฑิตหลังเที่ยงคืน) โดย หลียู่

ในภาคนี้เป็นการร่วมทุนสร้างกันระหว่างฮ่องกง, ญี่ปุ่น และจีนแผ่นดินใหญ่ ด้วยทุนกว่า 105 ล้านบาท ด้วยนักแสดงชื่อดังในแบบภาพยนตร์อีโรติกและเอวีของทั้ง 3 ชาติ เช่น ซาโอริ ฮะระ

และถือเป็นภาพยนตร์อีโรติกเรื่องแรกของโลกด้วยที่ฉายในระบบสามมิติ โดยแฝงความคิดด้วยปรัชญาแบบเซนในตอนท้ายเรื่อง เมื่อผู้สร้างประกาศว่าจะสร้างและออกฉาย ปรากฏเป็นข่าวโด่งดังได้รับความสนใจอย่างมาก และเมื่อเข้าฉายแล้ว ปรากฏว่าที่ฮ่องกงสามารถทำรายได้เหนือกว่า Avatar ภาพยนตร์ในแนวไซไฟฟอร์มใหญ่ของฮอลลีวู้ดเสียอีก [1][2]

สำหรับในประเทศไทยในตอนแรกคาดว่าจะไม่ได้ถูกนำเข้ามาฉาย แต่ว่าได้มีการนำเข้ามาฉาย แต่ได้เข้าฉายเพียง 7 วันเท่านั้น[3]แต่เมื่อได้ฉายจริง ผลตอบรับออกมาดีมาก จึงขยายเวลาฉายออกไปอีกและเพิ่มโรงฉาย โดยฉายในโรงแบบธรรมดาด้วย[4] โดยได้รับการจัดเรตเป็น ฉ.20 คือ ห้ามผู้ชมอายุต่ำกว่า 20 ปี และถูกตัดฉากออกไป 3 ฉาก ได้แก่ ฉากที่หลวงจีนมีเพศสัมพันธ์กับหลิวซื่อ หลังจากที่โดนหลิวซื่อลอบมายั่วยวนให้หลวงจีนตบะแตกเพื่อแก้แค้น, ฉากที่องค์ชายหนิงมีเพศสัมพันธ์กับตงเหม่ยจนขาดใจตาย และฉากที่ตี้หยูเซียงโดนองค์ชายหนิงทรมานเพื่อแก้แค้นโดยให้นั่งทับอยู่บนเครื่องทรมานที่ติดอยู่บนหลังม้า รวมเป็นเวลาราว 3 นาที[5]

ใกล้เคียง