สโมสรอาชีพ ของ ทากูมิ_มินามิโนะ

เซเรซโซ โอซากะ

มินามิโนะเข้าร่วมทีมเยาวชนของเซเรซโซ โอซากะ ในวัย 12 ปี[5] โดยในช่วงที่เล่นให้กับทีมเยาวชนนั้น เขาได้มีโอกาสฝึกซ้อมร่วมกับชินจิ คางาวะ ซึ่งเป็นผู้เล่นในทีมชุดใหญ่[5] มินามิโนะกล่าวถึงทีมเยาวชนเมื่อปี 2014 ว่า "ทีมเยาวชนเซเรซโซเปรียบเสมือนผู้ฝึกสอนทางกายของทีมชั้นนำ แต่ผมกลับเป็นผู้ฝึกสอนทางกายของผม มันฟังดูหนักแน่นแปลก ๆ จริงไหม"[9]

ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2009 มินามิโนะเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลสโมสรเยาวชนญี่ปุ่นรุ่นอายุไม่เกิน 15 ปี เขามีส่วนช่วยให้ทีมจบอันดับที่ 8 หลังจากตกรอบก่อนรองชนะเลิศ[10] อย่างไรก็ตาม เขากลับกลายเป็นผู้ทำประตูสูงสุดในรายการนั้นที่ 8 ประตู[11] ปีถัดมา มินามิโนะช่วยให้ทีมรุ่นอายุไม่เกิน 15 ปี ชนะเลิศปรินซ์ลีกคันไซ โดนเขาทำแฮตทริกช่วยให้ทีมเอาชนะทีมโรงเรียนมัธยมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนครโคเบะ 5–0 เมื่อวันที่ 11 เมษายน ค.ศ. 2010[12] ใน ค.ศ. 2011 เขาเลื่อนขึ้นไปเล่นให้กับทีมรุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี โดยได้เข้าร่วมแข่งขันในซอกเกอร์พรีเมียร์ลีกทากามาโดมิยะคัพ เจเอฟเอ รุ่นอายุไม่เกิน U-18[13] เขาทำ 9 ประตู ซึ่งมากเป็นอันดับที่สี่ในรายการนั้น[14] มินามิโนะยังช่วยให้ทีมเข้าชิงชนะเลิศเจยูธคัพ ซึ่งสุดท้ายแล้วพวกเขาพ่ายแพ้ต่อนาโงยะแกรมปัส 3–1 อย่างไรก็ตาม เขาเป็นผู้ทำประตูสูงสุดของรายการที่ 13 ประตู[15]

หลังจากสองปีกับทีมเยาวชน มินามิโนะได้ลงทะเบียนกับทีมชุดใหญ่ของเซเรซโซในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2012[16] ต่อมาในวันที่ 17 พฤศจิกายน ค.ศ. 2012 เขาได้ลงเล่นนัดแรกให้กับทีมชุดใหญ่ โดยลงเล่นเป็นตัวสำรองแทนที่ทากูมะ เอดามูระ ในนัดที่พ่ายแพ้โอมิยะ อาร์ดิจา 3–1[17] มินามิโนะได้ลงเล่นเป็นตัวจริงนัดแรกและลงเล่นครบ 90 นาทีในนัดที่เสมอกับคาวาซากิ ฟรอนตาเล 2–2 ในนัดปิดฤดูกาล[18] วันที่ 15 ธันวาคม ค.ศ. 2012 เขาทำประตูแรกให้กับสโมสร ช่วยให้เอาชนะชิมิซุ เอส-พัลส์ 4–0 ในฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระจักรพรรดิ รอบที่ 4[19] จบฤดูกาล 2012 มินามิโนะลงเล่น 5 นัดและยิงหนึ่งประตูจากทุกรายการ

เขากลายเป็นตัวผู้เล่นของทีมชุดใหญ่อย่างเต็มตัวใน ค.ศ. 2013 โดยได้รับเสื้อหมายเลข 13 สำหรับฤดูกาลนี้[20] มินามิโนะเป็นผู้เล่นคนแรกจากระบบเยาวชนของสโมสรที่ได้ลงเล่นในนัดเปิดฤดูกาล ซึ่งเซเรซโซเอาชนะอัลบิเร็กซ์ นีงาตะ ไปได้ 1–0[21] หลังจากนั้น สัญญาของเขากับสโมสรได้กลายเป็นสัญญาอาชีพ เพื่อให้สอดคล้องกับจำนวนนัดที่เขาสามารถลงเล่นได้ต่อฤดูกาล[22] มินามิโนะทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมตลอดเดือนมีนาคม เขาทำสองแอสซิสต์ในเกมลีกสองนัดและทำประตูแรกของฤดูกาลในฟุตบอลชิงถ้วยจักรพรรดินัดที่เอาชนะโออิตะทรินิตา 2–1[23] มินามิโนะทำเพิ่มอีกสองประตูในรายการถ้วยจักรพรรดิ ก่อนที่จะตกรอบก่อนรองชนะเลิศหลังพ่ายแพ้อูราวะ เรดไดมอนส์ ซึ่งเขาทำประตูในเลกที่สองของรอบนี้[24] หกวันหลังจากตกรอบ เขาทำประตูแรกในเจลีก ดิวิชัน 1 ในนัดที่เสมอกับ 2–2 จูบิโล อิวาตะ เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม ค.ศ. 2013 ทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดที่ทำประตูให้กับสโมสร[25] สามสัปดาห์ถัดมา วันที่ 26 กรกฎาคม ค.ศ. 2013 มินามิโนะทำประตูในนัดกระชับมิตรที่พบกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด โดยเขายิงไกลในระยะ 20 หลา จนอันเนอส์ ลินเนอกา ไม่มีโอกาสได้เซฟลูกยิงของเขา[26] หลังจบนัดนั้น ผลงานของเขาได้รับการชื่นชมจากทั้งผู้เล่นและเดวิด มอยส์ ผู้จัดการทีมของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด[27] อย่างไรก็ตาม ในนัดที่พบกับชิมิซุ เอส-พัลส์ วันที่ 19 สิงหาคม ค.ศ. 2013 เอ็นเข่าซ้ายของเขาได้รับบาดเจ็บ ทำให้เขาต้องพักรักษาตัวถึงหกสัปดาห์[28] วันที่ 28 สิงหาคม ค.ศ. 2013 มินามิโนะกลับมาลงเล่นอีกครั้งในฐานะตัวสำรอง ช่วยให้ทีมเอาชนะจูบิโล อิวาตะ 2–0[29] นัดถัดมา เขาทำประตูช่วยให้เอาชนะโออิตะทรินิตา 2–0[30] และเขาได้ทำเพิ่มอีกสามประตูก่อนจบฤดูกาล 2013 ซึ่งรวมถึงประตูที่เขายิงใส่อูราวะ เรดไดมอนส์ ในนัดปิดฤดูกาล[31] จบฤดูกาล 2013 เขาลงเล่น 38 นัดและทำ 8 ประตูจากทุกรายการ เขาได้รับรางวัลผู้เล่นหน้าใหม่ยอดเยี่ยมของเจลีกประจำปี 2013[32] และได้ขยายสัญญากับสโมสรออกไป[33]

ในช่วงเริ่มฤดูกาล 2014 มินามิโนะลงเล่นในเอเอฟซีแชมเปียนส์ลีกครั้งแรกในการเสมอกับโปฮัง สตีลเลอร์ส 1–1[34] สามสัปดาห์ถัดมา วันที่ 18 มีนาคม ค.ศ. 2014 เขาทำประตูแรกในเอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก ช่วยให้เอาชนะบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 4–0[35] อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 16 เมษายน ค.ศ. 2014 เขาทำฟาล์วจนได้รับใบแดงโดยตรงและถูกไล่ออกจากสนามในนาทีที่ 41 ในนัดที่พ่ายแพ้โปฮัง สตีลเลอร์ส 2–0[36] วันที่ 12 กรกฎาคม ค.ศ. 2014 มินามิโนะกลับมาทำประตูในรอบสี่เดือน ช่วยให้เอาชนะเวอร์เตียนมิเอะ 4–2 ในรอบที่สองของถ้วยจักรพรรดิ[37] อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 15 กรกฎาคม ค.ศ. 2014 เขาได้รับใบแดงและถูกไล่ออกจากสนามอีกครั้งในนัดที่แพ้คาวาซากิ ฟรอนตาเล 3–1[38] หลังจบนัดนั้น เขาได้โพสต์คำขอโทษบนทวิตเตอร์ถึงการกระทำครั้งนั้น[39] ต่อมาในนัดที่เสมอกับเวนต์ฟอเร็ตโกฟุ 0–0 เขาถูกวิพากย์วิจารณ์ในกรณีที่เขาพยายามลงไปเล่นเกมรับ ทั้ง ๆ ที่ตำแหน่งจริงคือปีกซ้าย ทำให้เขาต้องออกมาขอโทษผ่านทางทวิตเตอร์อีกครั้ง[40] หนึ่งเดือนถัดมา วันที่ 16 สิงหาคม ค.ศ. 2014 เขาทำประตูแรกในลีกในนัดที่แพ้คาวาซากิ ฟรอนตาเล 5–4[41] และทำประตูที่สองในลีกในนัดที่แพ้วิสเซล โคเบะ 2–1 เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม ค.ศ. 2014[42] เขาทำประตูอย่างต่อเนื่องในช่วงระหว่างวันที่ 10 สิงหาคม ถึง 3 กันยายน ค.ศ. 2014 โดยเขาทำประตูใส่คาวาซากิ ฟรอนตาเล ทั้งสองเลกของเจลีกคัพ และทำประตูใส่จูบิโล อิวาตะ ในถ้วยจักรพรรดิ[43] อย่างไรก็ตาม ฤดูกาลที่สองและฤดูกาลสุดท้ายของเขากับสโมสรกลับกลายเป็นฤดูกาลที่ไม่ดีนัก เมื่อสุดท้ายแล้วสโมสรต้องตกชั้นจากลีกสูงสุดไป[44] หลังจบฤดูกาล 2014 เขาลงเล่น 42 นัดและทำ 8 ประตูจากทุกรายการ

เขาลงเล่นในเจลีก ดิวิชัน 1 ให้กับเซเรซโซ โอซากะ รวมทุกฤดูกาล 62 และยิงได้ 7 ประตู จากผลงาน ทำให้เขามีข่าวว่าจะย้ายออกจากสโมสรหลังจากที่ได้รับความสนใจจากสโมสรยุโรปหลายแห่ง[45]

เร็ดบุลซัลทซ์บวร์ค

มินามิโนะเล่นให้กับเร็ดบุลซัลทซ์บวร์คใน ค.ศ. 2015

เร็ดบุลซัลทซ์บวร์คได้ติดตามผลงานของมินามิโนะมาเป็นเวลาหนึ่งปีครึ่ง ก่อนที่จะเซ็นสัญญากับเขาในวันที่ 7 มกราคม ค.ศ. 2015 โดยสัญญามีผลจนถึง ค.ศ. 2018 พร้อมตัวเลือกในการขยายเพิ่มอีกหนึ่งปี[46] เซเรซโซ โอซากะ ได้ประกาศยืนยันถึงการย้ายออกของเขาในเวลาต่อมา[47]

มินามิโนะลงเล่นให้กับเร็ดบุลซัลทซ์บวร์คนัดแรกด้วยการลงเล่นเป็นตัวจริงในตำแหน่งปีกซ้ายก่อนที่ถูกเปลี่ยนตัวออกในนาทีที่ 64 ในนัดที่เอาชนะ Wiener Neustadt 2–0 เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2015[48] หลังจากที่พลาดการลงเล่นสองนัดเนื่องจากกล้ามเนื้อฉีกขาด เขากลับมาลงเล่นอีกครั้งโดยเป็นการลงเล่นนัดแรกในระดับทวีปยุโรป เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2015 เขาลงเล่นในช่วงครึ่งแรกก่อนถูกเปลี่ยนตัวออกเพื่อสลับกับฟิลิปี ปิรึซ สุดท้าย เร็ดบุลพ่ายแพ้ในบ้านต่อบิยาร์เรอัล 1–3 (ผลรวม 2–5) ในเลกที่สองของรอบ 32 ทีมสุดท้ายในยูฟ่ายูโรปาลีก ฤดูกาล 2014–15[49] มินามิโนะทำประตูแรกให้กับเร็ดบุลช่วยให้เอาชนะ Admira Wacker Mödling 4–1 เมื่อวันที่ 4 มีนาคม ค.ศ. 2015[50] ต่อมาเขาทำประตูช่วยให้ทีมเอาชนะ SV Grödig 3–0 เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม[51] มินามิโนะมีส่วนช่วยให้เร็ดบุลซัลทซ์บวร์คชนะเลิศออสเตรียนบุนเดิสลีกาในฤดูกาลแรกที่เขาได้เล่นให้กับสโมสร[52] เขาได้ลงเล่นในนัดชิงชนะเลิศออสเตรียนคัพ ช่วยให้ทีมเอาชนะเอาส์ทรีอาวีน 2–0[53] จบฤดูกาล 2014–15 มินามิโนะลงเล่น 14 นัดและยิงได้ 3 ประตูจากทุกรายการ โดยในช่วงระหว่างฤดูกาล เขาได้กลายเป็นผู้เล่นตัวจริงของสโมสรในตำแหน่งกองกลาง[54]

มินามิโนะ (ซ้าย) ชนะเลิศออสเตรียนบุนเดิสลีกากับเร็ดบุลซัลทซ์บวร์คในฤดูกาล 2014–15

มินามิโนะเริ่มต้นฤดูกาล 2015–16 ได้อย่างดี เขาทำประตูแรกของฤดูกาลในนัดที่เอาชนะ Deutschlandsberger SC 7–0 ในรอบแรกของออสเตรียนคัพ[55] ต่อมาเขาทำเพิ่มอีก 5 ประตูตลอดเดือนสิงหาคม โดยเขายิงประตูใส่ SV Ried, ดีนาโมมินสค์ในยูฟ่ายูโรปาลีก และสตวร์มกราซ[56] ต่อมาในวันที่ 12 กันยายน ค.ศ. 2015 เขาทำประตูและมีส่วนช่วยในการทำประตูที่สี่ ช่วยให้ทีมเอาชนะ SV Grödig 4–2[57] เขาทำสองประตูจากสองนัดระหว่างวันที่ 4 ถึง 17 ตุลาคม ค.ศ. 2015 ในนัดที่พบกับราปิดวีนและ Admira Wacker Mödling[58] อย่างไรก็ตาม มินามิโนะประสบปัญหาในการไม่สามารถทำประตูได้ในช่วงสี่เดือนถัดมา จนกระทั่งในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2016 เขาทำประตูช่วยให้เอาชนะเอาส์ทรีอาวีน 4–1[59] และทำเพิ่มอีกสองประตูในช่วงที่เหลือของฤดูกาล 2015–16[60] มินามิโนะมีส่วนช่วยให้เร็ดบุลชนะเลิศลีกเป็นปีที่สองติดต่อกันนับตั้งแต่ที่ย้ายมาเล่นให้กับสโมสร[61] 12 วันถัดมาหลังชนะเลิศลีก เขาลงเล่นเป็นตัวจริงในช่วงครึ่งหลังของนัดชิงชนะเลิศออสเตรียนคัพ[62] จบฤดูกาล 2015–16 มินามิโนะลงเล่น 40 นัดและยิงได้ 13 ประตูจากทุกรายการ

มินามิโนะเล่นให้กับเร็ดบุลซัลทซ์บวร์คในปี 2018

ในช่วงต้นฤดูกาล 2016–17 มินามิโนะทำประตูแรกของฤดูกาลช่วยให้เอาชนะ Vorwärts Steyr 3–1 ในรอบแรกของออสเตรียนคัพ[63] เขาเว้นจากการลงเล่นให้กับสโมสรระยะหนึ่งเนื่องจากไปลงเล่นให้กับทีมชาติ เขากลับมาเล่นให้กับสโมสรอีกครั้งในวันที่ 20 สิงหาคม ค.ศ. 2016 ช่วยให้เอาชนะ Mattersburg 3–1[64] สองสัปดาห์ถัดมา วันที่ 11 กันยายน ค.ศ. 2016 มินามิโนะทำประตูช่วยให้เอาชนะ Admira Wacker Mödling 4–0[65] ต่อมาเขาทำเพิ่มอีกสามประตู ซึ่งรวมถึงประตูที่เขายิงใส่ Wolfsberger AC เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม ค.ศ. 2016[66] สองเดือนถัดมา วันที่ 19 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2017 มินามิโนะทำแฮตทริกแรกในนามสโมสร ช่วยให้เอาชนะ SV Ried 6–1[67] เขามีบทบาทสำคัญในรอบรองชนะเลิศของออสเตรียนคัพ ด้วยการทำสองประตูช่วยให้เอาชนะ Admira Wacker Mödling 5–0 พาทีมเข้าชิงชนะเลิศได้สำเร็จ[68] ตลอดฤดูกาล 2016–17 มินามิโนะลงเล่นในฐานะตัวจริงและตัวสำรองสลับกันบ่อยครั้ง[69] อย่างไรก็ตาม เขามีส่วยช่วยให้สโมสรชนะเลิศออสเตรียนคัพและชนะเลิศลีกเป็นสมัยที่สามติดต่อกัน[70] จบฤดูกาล 2016–17 มินามิโนะลงเล่น 31 นัดและยิง 14 ประตูจากทุกรายการ โดยเขามีโอกาสได้เริ่มเล่นในตำแหน่งกองหน้าด้วย[71]

มินามิโนะเล่นให้กับเร็ดบุลซัลทซ์บวร์คในปี 2018

มินามิโนะเริ่มต้นฤดูกาล 2017–18 ได้อย่างดีเมื่อเขาทำสามประตูในสามรายการ โดยยิงประตูใส่ไฮเบอร์เนียนส์, Deutschlandsberger SC และ Wolfsberger AC[72] อย่างไรก็ตาม ในนัดที่เร็ดบุลซัลทซ์บวร์คเอาชนะ St. Pölten 5–1 ในวันที่ 20 สิงหาคม ค.ศ. 2017 มินามิโนะได้รับบาดเจ็บที่เอ็น ทำให้เขาถูกเปลี่ยนตัวออกในนาทีที่ 40 และต้องพลาดการลงเล่นถึงหกสัปดาห์[73] วันที่ 14 ตุลาคม ค.ศ. 2017 เขากลับมาลงเล่นในฐานะตัวสำรอง ช่วยให้เอาชนะลัสค์ 3–1[74] และทำประตูแรกในรอบสามเดือน ช่วยให้เอาชนะ St. Pölten 3–1 เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน ค.ศ. 2017 สามสัปดาห์ถัดมา วันที่ 29 พฤศจิกายน เขาทำประตูช่วยให้เอาชนะ SV Mattersburg 2–0[75] ช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ มินามิโนะขยายสัญญากับสโมสรจนถึงปี 2021[76] เขาทำเพิ่มอีกสามประตูในลีก ซึ่งรวมถึงประตูที่เขายิงใส่เอาส์ทรีอาวีนเมื่อวันที่ 18 มีนาคม ค.ศ. 2018[77] มินามิโนะมีส่วนช่วยให้สโมสรชนะเลิศลีกเป็นสมัยที่ 4 ติดต่อกัน[78] นอกจากนี้ เขายังช่วยให้สโมสรทำผลงานในระดับทวีปได้เป็นอย่างดี โดยเขาพาซัลทซ์บวร์คจบอันดับที่หนึ่งของกลุ่มในยูโรปาลีก ก่อนที่จะเอาชนะเรอัลโซซิเอดัด โบรุสซีอาดอร์ทมุนท์ และลาซีโอ (ซึ่งเขาทำสองประตูในรอบแพ้คัดออกที่พบกับเรอัลโซซิเอดัดและลาซีโอ)[79] ทำให้สโมสรเข้าถึงรอบรองชนะเลิศยูฟ่ายูโรปาลีกเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์[80] วันที่ 3 พฤษภาคม ค.ศ. 2018 เขาลงเล่นในยูฟ่ายูโรปาลีก รอบรองชนะเลิศ ช่วยให้ซัลทซ์บวร์คเปิดบ้านเอาชนะออแล็งปิกเดอมาร์แซย์ อย่างไรก็ตาม พวกเขาต้องตกรอบเนื่องจากแพ้ผลประตูรวม 3–2[81] จบฤดูกาล 2017–18 มินามิโนะลงเล่น 44 นัดและทำ 11 ประตูจากทุกรายการ

มินามิโนะเล่นให้กับเร็ดบุลซัลทซ์บวร์คในปี 2019

มินามิโนะพลาดการลงเล่นในช่วงต้นฤดูกาล 2018–19 เนื่องจากแฮมสตริงได้รับบาดเจ็บ เขาลงเล่นนัดแรกของฤดูกาลในฐานะตัวสำรอง ช่วยให้เอาชนะลัสค์ 3–1[82] ต่อมาในวันที่ 14 สิงหาคม ค.ศ. 2018 เขาทำประตูแรกของฤดูกาล ซึ่งเป็นประตูชัยช่วยให้ทีมเอาชนะ KF Shkëndija 1–0 ในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกรอบคัดเลือก และพาทีมผ่านเข้าสู่รอบถัดไปได้สำเร็จ[83] มินามิโนะทำเพิ่มอีกสามประตูก่อนจบเดือนกันยายน[84] วันที่ 4 ตุลาคม ค.ศ. 2018 เขาทำประตูช่วยให้ทีมเอาชนะเซลติก 3–1 ในรอบแบ่งกลุ่มของยูฟ่ายูโรปาลีก[85] ต่อมาในวันที่ 8 พฤศจิกายน ค.ศ. 2018 เขาทำแฮตทริกในช่วงครึ่งแรก ช่วยให้ทีมเอาชนะโรเซนเบิร์ก 5–2 ในรอบแบ่งกลุ่มของยูฟ่ายูโรปาลีก[86] หลังจบนัดนั้น เขามีชื่อติดทีมยอดเยี่ยมประจำสัปดาห์ของยูโรปาลีก[87] สามวันถัดมา วันที่ 11 พฤศจิกายน ค.ศ. 2018 เขาทำประตูขึ้นนำช่วยให้เอาชนะเอาส์ทรีอาวีน 2–0[88] มินามิโนะทำเพิ่มอีก 11 ประตูก่อนจบปี 2018[89] สามเดือนถัดมา เขาทำประตูช่วยให้ทีมเอาชนะเอาส์ทรีอาวีน 5–1 เมื่อวันที่ 31 มีนาคม ค.ศ. 2019[90] เดือนถัดมา มินามิโนะทำเพิ่มอีกสองประตู หนึ่งในนั้นเป็นประตูที่ยิงใส่กราเซอร์ ซึ่งช่วยให้เร็ดบุลซัลทซ์บวร์คเข้าชิงชนะเลิศออสเตรียนคัพ[91] เขาช่วยให้สโมสรชนะเลิศลีกเป็นสมัยที่ห้าติดต่อกัน[92] ส่วนในนัดชิงชนะเลิศออสเตรียนคัพที่ทีมเอาชนะราปิดวีน 2–0 เขามีชื่อเป็นเพียงตัวสำรอง[93] จบฤดูกาล 2018–19 มินามิโนะลงเล่น 45 นัดและทำ 14 ประตูจากทุกรายการ โดยเขาสามารถลงเล่นได้หลายตำแหน่งในแนวรุก[71][94]

มินามิโนะทำสี่ประตูในช่วงต้นฤดูกาล 2019–20[95] ต่อมาในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม นัดที่พบกับเคงก์ เขามีบทบาทสำคัญด้วยการทำสองประตูช่วยให้ทีมเอาชนะไปได้ 6–2[96] สองสัปดาห์ถัดมา มินามิโนะทำสองประตูในออสเตรียนคัพและยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกนัดที่พบกับราปิดวีนและลิเวอร์พูลตามลำดับ[97] เขาทำเพิ่มอีกสองประตูในสองนัดระหว่างวันที่ 23 ถึง 27 พฤศจิกายน ค.ศ. 2019 นัดที่พบกับ St. Pölten และเคงก์[98] มินามิโนะทำประตูที่ 9 ของฤดูกาล ช่วยให้ทีมเอาชนะ WSG Swarovski Tirol 5–1 เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม ค.ศ. 2019 นัดนั้นเป็นนัดสุดท้ายที่เขาได้ลงเล่นให้กับสโมสร[99]

ลิเวอร์พูล

ในเดือนธันวาคม มินามิโนะ ได้ตกลงร่วมทีมลิเวอร์พูลในช่วงเปิดตลาดหน้าหนาววันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 2020[100]

ในวันที่ 5 มกราคม ค.ศ. 2020 เอฟเอคัพ รอบสาม มินามิโนะลงสนามเป็นตัวจริงนัดแรกในสีเสื้อของลิเวอร์พูล ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เอฟเวอร์ตัน คู่ปรับร่วมเมือง 1-0 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบ 4 เอฟเอคัพ ได้สำเร็จ[101] จบฤดูกาล มินามิโนะช่วยให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งแรกในรอบ 30 ปีได้สำเร็จ[102]

ในวันที่ 29 สิงหาคม ค.ศ. 2020 เอฟเอคอมมิวนิตีชีลด์ 2020 ลิเวอร์พูล เจอกับ อาร์เซนอล ที่สนามกีฬาเวมบลีย์ มินามิโนะทำประตูแรกในสีเสื้อของลิเวอร์พูล โดยมินามิโนะทำประตูตีเสมอ 1-1 ในช่วง 90 นาที ทำให้ต้องตัดสินในการยิงจุดโทษ สุดท้าย ลิเวอร์พูล ก็เป็นฝ่ายแพ้ในการยิงจุดโทษ 4-5 ทำให้ ลิเวอร์พูลพลาดโอกาสคว้าแชมป์คอมมิวนิตีชีลด์ อย่างน่าเสียดาย ต่อมา ในวันที่ 24 กันยายน ค.ศ. 2020 ฟุตบอลลีกคัพ รอบ 3 มินามิโนะยิง 2 ประตูให้ ลิเวอร์พูล เอาชนะ ลิงคอล์นซิตี 7-2 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบ 4 ฟุตบอลลีกคัพ ได้สำเร็จ[103] ต่อมา ในวันที่ 19 ธันวาคม ค.ศ. 2020 มินามิโนะทำประตูแรกในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2020–21 นัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ คริสตัลพาเลซ ที่เซลเฮิสต์พาร์ก 7-0[104]

แหล่งที่มา

WikiPedia: ทากูมิ_มินามิโนะ http://www.fifa.com/worldfootball/statisticsandrec... http://www.jfootball-db.com/players_ma/takumi_mina... http://www.nikkansports.com/soccer/japan/news/1673... http://www.redbulls.com/en/fc-red-bull-salzburg/ne... http://www.soccerbase.com/players/player.sd?player... http://www.soccerway.com/players/193117/ http://www.uefa.com/uefaeuropaleague/season=2015/m... http://www.japantimes.co.jp/sports/2015/10/01/socc... http://web.gekisaka.jp/news/detail/?145336-145336-... http://www.jfa.jp/eng/news/00010358/