ถิ่นที่อยู่อาศัยและพฤติกรรม ของ นกอัลบาทรอส

ภาพนกอัลบาทรอสกำลังโบยบินในอะแลสกา โดยสถาบันมหาสมุทรและบรรยากาศแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา ในปี ค.ศ. 1997

นกอัลบาทรอสจะทำรังบนหน้าผาหรือตามชายหาด ชายฝั่งทะเลต่าง ๆ ทั่วโลก ต่างกันตามแต่ละชนิด โดยเฉพาะในทะเลซีกโลกใต้ ในเขตละติจูดที่มีกระแสลมรุนแรงที่สุดในโลก เป็นถิ่นอาศัยของนกอัลบาทรอสทั้งหมด ซึ่งไม่ว่าจะบินไปไกลแค่ไหน ก็จะกลับมาทำรังยังถิ่นเกิด และนกอัลบาทรอส 4 ชนิด อาศัยอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิกเหนือและกลาง มีพฤติกรรมผลัดกันกกไข่และออกหาอาหารในทะเล จากการศึกษาพบว่าใช้เวลานานถึง 10-30 วัน [3]

นกอัลบาทรอสอาศัยอยู่รวมกันเป็นฝูงหรือนิคมขนาดใหญ่ ซึ่งมีจำนวนคู่นกได้มากถึงหลักแสนคู่ นกวัยรุ่นจะเริ่มมีพฤติกรรมจับคู่กัน เมื่อจับคู่ได้แล้วจะใช้เวลานานบางทีอาจถึง 2 ปี เพื่อทำความรู้จักกัน ช่วยกันสร้างรัง ก่อนถึงการผสมพันธุ์จริง ๆ ซึ่งบางชนิดอาจใช้เวลานานถึง 3-9 ปี และเมื่อจับคู่ผสมพันธุ์กันแล้วจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันซึ่งอาจจะถึง 20 ปี หรือนานกว่านั้น ซึ่งกิริยาที่นกแสดงออกว่าชอบพอกัน คือ การไซ้ขนให้กัน สลับกันทำหน้าที่ให้กัน เป็นต้น นกอัลบาทรอสวางไข่ครั้งละ 1 ฟอง ไข่มีน้ำหนักประมาณครึ่งกิโลกรัม ขนาดเท่ากับไข่ห่าน โดยวางไว้บนรังที่ทำจากโคลนที่ก่อขึ้นมาจากพื้นดิน เมื่อลูกนกฟักออกมาก็จะรอพ่อแม่อยู่ในรังนี้

นอกจากนี้แล้ว นกอัลบาทรอสยังเชื่อว่าน่าจะเป็นนกที่สามารถแพร่ขยายพันธุ์ทั้งที่อายุมากที่สุดในโลกอีกด้วย เนื่องจากในปี ค.ศ. 2016 ที่แหล่งพักพิงสัตว์ป่าแห่งชาติเกาะปะการังมิดเวย์ บนเกาะมิดเวย์ กลางมหาสมุทรแปซิฟิก นักวิจัยพบนกอัลบาทรอสเลย์สัน (Phoebastria immutabilis) เพศเมียตัวหนึ่ง ชื่อ "วิสดอม" อายุ 66 ปี สามารถแพร่ขยายพันธุ์วางไข่ได้ โดยวิสดอมได้ห่างหายจากเกาะมิดเวย์นานถึง 60 ปี ก่อนจะกลับมาอีกครั้ง เนื่องจากวิสดอมมีปลอกคอที่ถูกสวมไว้เพื่อแสดงอัตลักษณ์ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1956[11]

เมื่อพ่อแม่นกกลับมายังรัง จะบดอาหารที่หามาได้เป็นของเหลวข้นลักษณะคล้ายน้ำมันที่เต็มไปด้วยแคลอรี เมื่อจะป้อนลูกจะเอาจะงอยปากไปขัดกับจะงอยปากของลูก จากนั้นจึงจะปล่อยของเหลวข้นนั้นเข้าปากลูก ซึ่งพ่อแม่นกอัลบาทรอสบางครั้งต้องใช้เวลานานถึง 15 นาทีเพื่อป้อนอาหารให้แก่ลูกนกซึ่งมีน้ำหนักประมาณ 1 ใน 3 ของน้ำหนักตัวลูกนก ก่อนที่จะบินออกไปหาอาหารอีกนานหลายสัปดาห์หรือหลายพันกิโลเมตร ซึ่งในระหว่างมื้ออาหารนี้ ลูกนกจะเติบโตขึ้นทุกครั้ง ซึ่งพ่อแม่นกจะจดจำลูกของตัวเองไม่ได้จากลักษณะภายนอก ต้องอาศัยการสังเกตจากเสียงร้องหรือกลิ่นที่เป็นลักษณะเฉพาะ

เมื่อลูกนกอัลบาทรอสหัดบินมักจะตกน้ำทำให้ขนเปียกปอน ในช่วงนี้มีลูกนกจำนวนมากที่ต้องตายไปถึงร้อยละ 40 เพราะไม่มีพ่อแม่นกคอยช่วย เนื่องจากนกอัลบาทรอสไม่มีพฤติกรรมที่สอนลูกให้หัดบินหรือเดินทางหาอาหาร ลูกนกจึงต้องฝึกฝนทักษะเหล่านี้ด้วยตัวเอง [3]

แหล่งที่มา

WikiPedia: นกอัลบาทรอส http://www.acap.aq/ http://explore2013.blogspot.com/2012/11/albatross.... http://www.britannica.com/EBchecked/topic/12596/al... http://edition.cnn.com/2005/WORLD/europe/09/01/dia... http://news.discovery.com/animals/birds-flying-fas... http://funny.hunsa.com/article/93257/%E0%B8%99%E0%... http://ibc.lynxeds.com/family/albatrosses-diomedei... http://www.nationalgeographic.com/search/?frontend... http://www.nextsteptv.com/?p=1432 http://www.ryt9.com/s/bmnd/864170