ที่ยังดำรงเผ่าพันธุ์อยู่ที่สูญพันธุ์ไปแล้ว
[2][3]นาก (
ไทยถิ่นเหนือ: บ้วน) เป็น
สัตว์อยู่ใน
ไฟลัมสัตว์มีแกนสันหลัง ชั้น
สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม อันดับ
สัตว์กินเนื้อ ในวงศ์ใหญ่
Mustelidae อันเป็นวงศ์เดียวกับ
วีเซลหรือเพียงพอน แต่นากจัดอยู่ในวงศ์ย่อย Lutrinae มีทั้งหมด 6
สกุล (ดูในตาราง)
[1]เป็นสัตว์บกที่สามารถ
ว่ายน้ำและหากินในน้ำได้อย่างคล่องแคล่วมาก มีรูปร่างโดยรวมหัวสั้นและกว้างแบน หูมีขนาดเล็กซ่อนอยู่ใต้ขน นิ้วตีนทั้ง 4 ข้างมีพังผืดคล้ายตีนเป็ด ขนลำตัว
สีน้ำตาลอม
เทา มี 2 ชั้น ชั้นในละเอียด ชั้นนอกหยาบ ขาหลังใหญ่และแข็งแรงกว่า ขาหน้า ใช้ว่ายน้ำร่วมกับหาง มีฟันแหลมและแข็งแรง มีหนวดยาวใช้เป็นอวัยวะจับการเคลื่อนไหวของสิ่งที่อยู่ใต้น้ำและใช้เป็นประสาทสัมผัสเมื่อเวลาอยู่ในน้ำ ไล่จับ
ปลาและ
สัตว์น้ำเล็ก ๆ เป็นอาหาร ในบาง
ชนิดอาจกินสัตว์จำพวกอื่นที่มีขนาดใหญ่กว่าได้ด้วย ออกหากินทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน มีพฤติกรรมอยู่รวมกันเป็นฝูงเล็ก ๆ ขุดรูอยู่ริมตลิ่งใช้เป็นรังสำหรับอาศัยและเลี้ยงดูลูกอ่อนนากจึงเป็นสัตว์ที่มีที่อยู่ในธรรมชาติใกล้กับแหล่งน้ำหรือ
พื้นที่ชุ่มน้ำต่าง ๆ หลากหลายประเภท เช่น
บึง,
ทะเลสาบ,
ลำธาร,
ป่าชายเลน แม้แต่พื้นที่
เกษตรกรรมของมนุษย์ เช่น ท้องร่องในสวนผลไม้,
นาข้าว หรือนากุ้ง เป็นต้น พบได้ทั่วโลก โดยชนิดที่ใหญ่ที่สุด คือ
นากยักษ์ (Pteronura brasiliensis) พบในลุ่ม
แม่น้ำอเมซอนใน
ทวีปอเมริกาใต้ บางชนิดพบใน
ทะเล คือ
นากทะเล (Enhydra lutris) ที่สามารถนอนหงายท้องบนผิวน้ำทะเลและเอา
หินทุบเปลือก
หอยกินเป็นอาหารได้ด้วยนากมีความสำคัญต่อ
มนุษย์ คือ ในอดีตมีการล่าเพื่อเอาหนังและขนทำเป็น
เสื้อขนสัตว์ โดยเฉพาะใน
ทวีปยุโรปมีการล่าอย่างหนัก ทำให้นากหลายชนิดเกือบสูญพันธุ์ ซึ่งเสื้อขนสัตว์ 1 ตัว ต้องใช้ขนของนากมากถึง 40 ตัว จนทำให้ใกล้สูญพันธุ์ กระทั่งในปี
ค.ศ. 1975 ทาง
กองทุนสัตว์ป่าโลก ได้เรียกร้องให้
รัฐบาลประเทศต่าง ๆ ยกเลิกการค้าหนังนาก ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี ทำให้นากได้รับความคุ้มครอง แต่กระนั้นในบางพื้นที่ก็ยังคงมีการลักลอบกันอยู่
[4]