การสำรวจ ของ นิติเวชกีฏวิทยา

การสำรวจศพ[4]โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณรอยเปิดของบาดแผลบนผิวหนัง หรือ ทางเปิดของอวัยวะ เช่น ตา ปาก จมูก ซึ่งเป็นจุดแรกๆที่แมลงจะเข้าไป ทั้งนี้การเก็บตัวอย่างแมลงจากที่เกิดเหตุนั้นจำเป็นต้องอาศัยความชำนาญ รอบคอบและช่างสังเกต ไม่มองข้ามจุดเล็ก ๆ ซึ่งจะทำให้เกิดประโยชน์ต่อรูปคดีมากที่สุด หากพบตัวอ่อนแมลง (ตัวหนอน) ที่อยู่บนซากศพ ให้เลือกดูตัวหนอนที่มีขนาดใหญ่ที่สุด แล้วคาดคะเนว่าน่าจะเป็นตัวหนอนที่มีอายุมากที่สุด แล้วนำไปเปรียบเทียบกับวงจรชีวิตของแมลงวันว่าขนาดของตัวอ่อนเท่านี้จะมีอายุมาแล้วกี่วัน เมื่อทราบอายุของตัวหนอนแล้วจะทำให้คาดคะเนได้ว่าศพที่เจอนั้นเสียชีวิตมาแล้วกี่วัน ซึ่งเป็นการหาระยะเวลาหลังการตายของสิ่งมีชีวิต (PMI) ถึงอย่างไรก็ตาม การคาดคะเนระยะเวลาหลังการตายด้วยอายุของแมลงต้องทำควบคู่ไปกับลักษณะของการย่อยซากศพที่เจอด้วย ซึ่งการย่อยสลายของซากศพจะมีอยู่ 5 ระยะด้วยกัน สำหรับระยะเวลาหลังการตายกับความสัมพันธ์ของแมลงในประเทศไทยมีดังนี้[5]

  1. Initial stage เริ่มจาก 0 - 1 วัน ลักษณะของซากศพยังใหม่และสดอยู่ แมลงที่พบได้ในระยะนี้จะเป็นพวกมด และพวกแมลงวันหลังลายและแมลงวันบ้าน
  2. Bloated phast เริ่มจากวันที่ 2 - 6 หลังจากที่เสียชีวิตแล้ว ศพจะมีการบวมจากการผลิตก๊าซของแบคทีเรียและมีกลิ่นเน่าเหม็น แมลงที่พบได้จะเป็นแมลงวันหัวเขียว
  3. Black putrefaction เริ่มจากวันที่ 7-12 หลังจากที่เสียชีวิตแล้ว เป็นระยะที่มีการสลายของเนื้อเยื่อ กลิ่นของศพมีความรุนแรงมากขึ้น เริ่มพบระยะไข่และตัวอ่อนของแมลงวันหัวเขียว
  4. Butyric fermentation เริ่มจากวันที่ 13 - 51 หลังจากที่เสียชีวิตแล้ว ภายนอกของศพเริ่มแห้งแต่บางส่วนภายในศพยังไม่แห้ง ผิวที่อยู่ด้านล่างของศพเริ่มเน่าเละ จากกระบวนการ fermentation สามารถพบแมลงในกลุ่ม Muscidae, Piophilidae, Scarabaeidae, Cleridae, Dermestidae, Histeridae, Silphidae และ Staphylinidae
  5. Dry phast เริ่มจากวันที่ 52 หลังจากที่เสียชีวิตแล้ว เป็นระยะที่ซากศพเกือบแห้งทั้งหมด

อัตราการย่อยสลายช้าลง แมลงที่พบมากได้ในระยะนี้คือ แมลงในกลุ่ม Dermestidae, Forficulidae, Sarcophagidae และ Cleridae ดังนั้นงานนิติเวชกีฏวิทยาเป็นงานที่น่าสนใจที่ควรจะมีการศึกษาข้อมูลเบื้องต้น แต่ในสภาพความเป็นจริงแล้ว กล่าวได้ว่าเป็นงานที่ค่อนข้างลำบากและละเอียดอ่อนในการที่จะศึกษาแมลงที่เกี่ยวข้องกับศพมนุษย์โดยตรง เพราะอาจเกิดความขลาดกลัว ขยะแขยง ต่อสิ่งที่พบเห็นและโอกาสในการที่จะได้ศพมนุษย์จริง ๆ มาศึกษาก็คงเป็นไปไม่ได้[6]