วิธีการผลิต ของ น้ำมันหอมระเหย

การกลั่น

ปัจจุบัน น้ำมันหอมระเหยส่วนใหญ่ เช่น ลาเวนเดอร์ เปปเปอร์มินต์ น้ำมันต้นชาและยูคาลิปตัส มาจากการกลั่น โดยใส่วัตถุดิบพืช ซึ่งประกอบด้วยดอก ใบ ไม้ เปลือกไม้ ราก เมล็ดหรือเปลือกใส่ถ้วยกลั่นเหนือน้ำ เมื่อน้ำร้อนแล้ว ไอน้ำจะผ่านวัตถุดิบพืช เกิดเป็นไอสารประกอบระเหยง่าย ไอไหลผ่านขด ที่ซึ่งจะควบแน่นกลับเป็นของเหลว แล้วมีการเก็บรวบรวมในภาชนะบรรจุ

รูปแบบการกลั่น

มี 3 วิธีย่อย

1. การกลั่นโดยใช้ไอน้ำ (steam distillation) โดยการนำพืชที่ต้องการน้ำมันหอมระเหย วางไว้ในหม้อกลั่นที่ด้านล่างมีน้ำ จากนั้นต้มน้ำ ไอที่เกิดขึ้นจะวิ่งผ่านพืชที่วางไว้ด้านบน ทำให้น้ำมันหอมระเหยในพืช ระเหยออกมารวมกับไอน้ำ จากนั้นให้ไอน้ำวิ่งผ่านท่อ จนถึง เครื่องควบแน่น (condenser) เพื่อทำให้เย็นลง แล้วกลั่นตัวลงมา ตกลงในภาชนะกักเก็บ จะได้ส่วนน้ำมันหอมระเหยที่แยกชั้นกับน้ำ

2. การกลั่นโดยใช้พืชแช่ในน้ำ (Water or Hydro-Distillation) โดย การนำพืชแช่ในน้ำ แล้วต้มน้ำจนเดือด เซล์พืชจะแตกออก และน้ำมันหอมระเหยจะแยกลอยตัวขึ้นมา พืชที่กลั่นวิธีนี้จะต้องเป็นพืชที่ทนความร้อนสูงได้ดี แต่ควรระวังในการกลั่น เพราะเนื่องจากส่วนของพืชโดนความร้อนโดยตรง อาจทำให้เกิดการไหม้ได้ กลิ่นไหม้ปนไปกับน้ำมันหอมระเหย และมีสารที่ไม่ต้องการปะปนไปด้วย

3. การกลั่นด้วยไอน้ำภายใต้แรงดันสูง (Vacuum Steam Distillation) วิธีนี้จะเหมือนกับ การกลั่นด้วยไอน้ำ แต่จะกลั่นภายใต้แรงดันสูง เพื่อลดจุดเดือดของน้ำและน้ำมันหอมระเหย ทำให้ได้น้ำมันที่ไม่โดนทำลายด้วยอุณหภูมิสูง และน้ำมันหอมระเหยนี้ยังมีประสิทธิภาพ คุณภาพดีกว่า การกลั่นแบบ 2 วิธีแรกอีกด้วย