น้ำมันปลา
น้ำมันปลา

น้ำมันปลา

บทความนี้ใช้ระบบคริสต์ศักราช เพราะอ้างอิงคริสต์ศักราชและคริสต์ศตวรรษ หรืออย่างใดอย่างหนึ่งน้ำมันปลา หรือ น้ำมันตับปลา เป็นไขมันที่ได้จากส่วนต่าง ๆ ของปลาที่มีไขมันสูงน้ำมันปลามีกรดไขมันโอเมกา-3, eicosapentaenoic acid (EPA) และ docosahexaenoic acid (DHA) ซึ่งล้วนเป็นสารตั้งต้นของ eicosanoid ที่พบว่า ลดการอักเสบในร่างกาย[1][2]และมีผลดีต่อสุขภาพอื่น ๆ เช่น เพื่อรักษาภาวะเลือดมีไตรกลีเซอไรด์สูง (hypertriglyceridemia) แม้คำโฆษณาว่าช่วยป้องกันกล้ามเนื้อหัวใจตายเหตุขาดเลือดหรือโรคหลอดเลือดสมองจะไม่มีหลักฐาน[3][4][5][6]มีการศึกษาน้ำมันปลาและกรดไขมันโอเมกา-3 เกี่ยวกับภาวะโรคอื่น ๆ มากมาย เช่น โรคซึมเศร้า[7][8]โรควิตกกังวล[9][10][11]มะเร็ง และโรคจุดภาพชัดของจอตาเสื่อม แต่ประโยชน์ที่ได้ก็ยังไม่สามารถยืนยัน[12]ปลาที่เป็นแหล่งน้ำมันจริง ๆ ไม่ได้ผลิตกรดไขมันโอเมกา-3 เอง แต่สะสมไขมันเมื่อกินสาหร่ายเซลล์เดียว (microalgae/microphyte) หรือปลาที่เป็นเหยื่อซึ่งได้สะสมกรดไขมันเองปลาล่าเหยื่อที่มีไขมันสูง เช่น ฉลาม กระโทงดาบ ปลาทูน่าครีบยาว อาจมีกรดไขมันโอเมกา-3 สูง แต่เพราะเป็นสัตว์ล่าเหยื่อที่ยอดของโซ่อาหาร จึงอาจสะสมสารพิษต่าง ๆ จากสัตว์ที่กินต่อ ๆ กันเป็นลูกโซ่ผ่านกระบวนการ biomagnificationเพราะเหตุนี้ สำนักงานป้องกันสิ่งแวดล้อมสหรัฐ (USEPA) จึงแนะนำให้จำกัดทานปลาล่าเหยื่อบางอย่าง รวมทั้งปลาทูน่าครีบยาว, ฉลาม, ปลาอินทรีสกุล Scomberomorus cavalla (king mackerel), ปลาในวงศ์ Malacanthidae (tilefish) และปลากระโทงดาบ โดยเฉพาะสำหรับหญิงวัยที่มีบุตรได้ เพราะปลามีสารปนเปื้อนเป็นพิษคือปรอทในระดับสูงนอกจากนี้ ก็ยังมีสาร dioxin, PCB และ chlordane อีกด้วย[13]น้ำมันปลายังใช้เพื่อเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำอีกด้วยเช่น ในบรรดาน้ำมันปลาที่ใช้เป็นอาหารสัตว์น้ำ 50% ใช้เลี้ยงปลาแซลมอน[14]น้ำมันปลาน้ำจืดน้ำเค็มจะมี arachidonic acid, EPA และ DHA ในระดับต่าง ๆ กัน[15]สปีชีส์ต่าง ๆ จัดว่ามีมันน้อยจนถึงมีมันมาก และไขมันที่พบในเนื้ออาจอยู่ในพิสัย 0.7-15.5%[16]และยังมีผลต่อลิพิดในอวัยวะของร่างกายต่าง ๆ กันด้วย[15]งานศึกษาได้แสดงว่า การทานปลารวม ๆ หรือการได้กรดไขมันโอเมกา-3 (โดยประมาณ) จากปลาทั้งหมด ไม่สัมพันธ์กับความเข้มข้นของกรดไขมันโอเมกา-3 ในเลือด[17]แต่การทานปลามีไขมันสูงโดยเฉพาะวงศ์ปลาแซลมอน และการได้ EPA + DHA จากปลามีไขมันสูง จึงจะสัมพันธ์กับการเพิ่ม EPA + DHA ในเลือดอย่างสำคัญ[17]

แหล่งที่มา

WikiPedia: น้ำมันปลา http://www.nutrasource.ca/ifos/ http://www.consumerlab.com/news/fish_oil_supplemen... http://www.consumerlab.com/results/index.asp http://www.fatsoflife.com http://www.foodproductiondaily.com/news/ng.asp?n=6... http://abcnews.go.com/GMA/ConsumerNews/truth-fish-... http://www.ifosprogram.com/IFOS/default.aspx http://archinte.jamanetwork.com/article.aspx?artic... http://well.blogs.nytimes.com/2015/03/30/fish-oil-... http://www.omega-3centre.com/sources_long_chain.ht...