เมนูนำทาง
น้ำอสุจิ มุมมองทางวัฒนธรรมและปรัชญาสำหรับพระภิกษุของพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาท การจงใจทำน้ำอสุจิให้เคลื่อนเป็นอาบัติหนักคืออาบัติสังฆาทิเสส ซึ่งในพระพุทธพจน์ทรงเจาะจงไว้ว่าเป็น การ "ทำให้เคลื่อน"[44] ซึ่งอธิบายเพิ่มขึ้นว่าเป็น "กิริยาที่ทำให้เคลื่อนจากฐาน" ส่วนในคัมภีร์ชั้นอรรถกถาสรุปว่า "กายทั้งสิ้น"[45] เป็น "ฐาน" (คือเป็นที่อยู่ของน้ำอสุจิ) แล้วอ้างว่า
|
ดังนั้น คัมภีร์พุทธศาสนาเถรวาทชั้นอรรถกถาจึงบอกเป็นนัยว่า น้ำอสุจิอาจจะไหลออกจากส่วนใดของร่างกายก็ได้ เพราะกายทั้งสิ้นเป็น "ฐาน" ของน้ำอสุจิ
นอกจากนั้นแล้ว ในพระพุทธพจน์ยังกำหนดสีของน้ำอสุจิไว้อีกด้วยว่า
|
ชี่กงและแพทย์แผนจีนเน้นพลังอย่างหนึ่งที่เรียกว่า 精 (ภาษาจีน: jīng, หยิน ซึ่งหมายถึง "แก่นสาร" หรือ "วิญญาณ")[46][47] ซึ่งบุคคลหนึ่งต้องพยายามสะสม หยิน เป็นพลังทางเพศที่ถือว่า ถูกปล่อยออกไปเมื่อมีการหลั่งน้ำอสุจิ ดังนั้น การช่วยตัวเองจึงถือว่า เป็นการทำลายพลังสำหรับคนที่ฝึกวิชานี้ทฤษฎีชี่กงบอกว่า พลังลมปราณจะส่งไปทางอวัยวะเพศเมื่อเกิดอารมณ์ทางเพศการถึงจุดสุดยอดและการหลั่งน้ำอสุจิจะเป็นการปล่อยพลังเหล่านั้นไปจากร่างกายสุภาษิตจีนว่า 一滴精,十滴血 (ภาษาจีน: yì dī jīng, shí dī xuè, แปลโดยบทว่า: น้ำอสุจิหยดหนึ่งมีค่าเท่ากับเลือดสิบหยด) แสดงให้เห็นถึงความคิดแนวนี้
คำวิทยาศาสตร์จีนของน้ำอสุจิก็คือ 精液 (ภาษาจีน: jīng yè, แปลโดยบทว่า: หยดแก่นสาร/หยดหยิน) และคำของตัวอสุจิก็คือ 精子 (ภาษาจีน: jīng zǐ, แปลโดยบทว่า: ธาตุของแก่นสาร/ธาตุของหยิน)ซึ่งเป็นคำศัพท์ปัจจุบันที่มีการเท้าความเดิม
ในสมัยกรีกโบราณ อาริสโตเติลได้ให้ความสำคัญของน้ำอสุจิ นักเขียนคนหนึ่งได้กล่าวไว้ว่า "สำหรับอาริสโตเติลแล้ว น้ำอสุจิเป็นสิ่งที่มาจากอาหารมาจากเลือด และมีการปรุงให้เป็นสารที่ยอดเยี่ยม อยู่ที่อุณหภูมิที่ยอดเยี่ยมซึ่งผู้ชายเท่านั้นหลั่งออกได้ เป็นผลจากธรรมชาติของผู้ชาย ที่มีระดับไฟธาตุที่ขาดไม่ได้ในการเปลี่ยนเลือดให้เป็นน้ำอสุจิ"[48] อาริสโตเติลคิดว่า มีความสัมพันธ์กันโดยตรงระหว่างอาหารและน้ำอสุจิ คือ"น้ำอสุจิเป็นการขับสารอาหารออก หรือจะพูดให้ชัดกว่านี้ก็คือ เป็นการขับส่วนที่สมบูรณ์ที่สุดของอาหารออก"[49]
ความสัมพันธ์ของอาหารเพื่อให้เกิดการเจริญเติบโตของร่างกายในทางหนึ่งและความสัมพันธ์ของอาหารกับน้ำอสุจิในอีกทิศทางหนึ่งทำให้อาริสโตเติลเตือนไม่ให้"มีกิจกรรมทางเพศเมื่ออายุน้อย...เพราะจะมีผลต่อการเจริญเติบโตของร่างกายคือ อาหารที่ใช้ในการเจริญเติบโตของร่างกาย จะถูกนำไปใช้เพื่อการผลิตน้ำอสุจิ...อาริสโตเติลกล่าวว่า นี้หมายถึงช่วงที่ร่างกายกำลังเจริญเติบโตดังนั้น ช่วงอายุที่ดีที่สุดเพื่อเริ่มกิจกรรมทางเพศก็คือเมื่อไม่มีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วแล้ว เพราะว่า เมื่อร่างกายเติบโตถึงระดับที่สูงที่สุดแล้วการเปลี่ยนสารอาหารไปเป็นน้ำอสุจิไม่ได้ทำให้ร่างกายขาดวัสดุที่ใช้เพื่อการเติบโต"[50]
นอกจากนั้นแล้ว "อาริสโตเติลยังบอกเราว่า เขตรอบ ๆ ตาเป็นเขตที่อุดมสูงสุดของ 'พืช' ในศีรษะเป็นทฤษฎีที่อธิบายผลที่เกิดขึ้นต่อตาเมื่อมีเพศสัมพันธ์มากเกินไปและระบุถึงความคิดที่บอกว่า ตัวอสุจิมาจากน้ำที่อยู่รอบ ๆ ตา"[51] นี่อาจจะอธิบายความคิดลัทธิของพิทาโกรัสว่า "น้ำอสุจิเป็นหยดหนึ่งของสมอง (τὸ δε σπέρμα εἶναι σταγόνα ἐγκέφαλου)."[52]
เชื่อกันว่า ผู้หญิงก็มีน้ำอสุจิแบบของตนเองเช่นกันซึ่งมีอยู่ในมดลูกและเกิดการปล่อยเมื่อถึงจุดสุดยอดการมีน้ำอสุจิค้าง (คือไม่มีการปล่อย) เชื่อว่าเป็นเหตุของโรคฮิสทีเรียในหญิง (female hysteria)[53]
ในสังคมก่อนอุตสาหกรรมบางสังคม มีการถือว่าน้ำอสุจิและน้ำของร่างกายอย่างอื่น ๆ เป็นของศักดิ์สิทธิ์ (หรือขลัง)โลหิตก็เป็นส่วนหนึ่งของความเชื่อนั้นและก็มีความเชื่อว่า น้ำอสุจิเกิดขึ้นจากสิ่งเหนือธรรมชาติและดังนั้น จึงเป็นของศักดิ์สิทธิ์
น้ำค้างครั้งหนึ่งเชื่อกันว่า เป็นฝนประเภทที่ทำให้โลกอุดมสมบูรณ์และจึงกลายมาเป็นตัวอุปมาของน้ำอสุจิ
มีการเชื่อกันอย่างกว้างขวางในยุคโบราณว่าแก้วมณีเป็นหยดน้ำอสุจิจากสวรรค์ซึ่งเกิดการแข็งตัวหลังจากทำให้เกิดความอุดมสมบูรณ์แก่โลกแล้วมีความเชื่อโบราณของคนจีนว่า หยกเป็นน้ำอสุจิของมังกรสวรรค์ที่แห้งแล้ว
ในตำนานเก่า ๆ รอบโลกน้ำอสุจิมักจะเปรียบเหมือนกับนมแม่ในวัฒนธรรมของคนบาหลีบางเผ่าการให้น้ำอสุจิเป็นเป็นการทดแทนนมแม่โดยเป็นอุปมาเกี่ยวเนื่องกับอาหาร คือภรรยาทำอาหารให้กับสามี ผู้ทำการทดแทนโดยให้น้ำอสุจิ ซึ่งเป็น "น้ำนมแห่งความเมตตา"[54]
ในปรัชญาทางการแพทย์บางอย่าง เช่นการแพทย์แผนโบราณของคนรัสเซียน้ำอสุจิเชื่อกันว่าเป็นผลจากปฏิกิริยาทางกายที่ซับซ้อนระหว่างหญิงชายไม่ใช่เป็นเพียงแค่ผลิตภัณฑ์ของระบบสืบพันธุ์ในชาย[ต้องการอ้างอิง]
เมื่อหน่วยจารกรรม SIS ของประเทศอังกฤษพบว่า น้ำอสุจิสามารถใช้เป็นหมึกที่มองไม่เห็นอย่างดีผู้อำนวยการคนแรกของหน่วย SIS จึงได้ให้ข้อสังเกตเกี่ยวกับจารบุรุษของเขาว่า "ทุกคนเป็นปากกาของตนเอง"[55]
เมนูนำทาง
น้ำอสุจิ มุมมองทางวัฒนธรรมและปรัชญาใกล้เคียง
น้ำอสุจิแหล่งที่มา
WikiPedia: น้ำอสุจิ http://fxylib.znufe.edu.cn/wgfljd/%B9%C5%B5%E4%D0%... http://urbanlegends.about.com/od/medical/a/Fellati... http://www.chikung.com/wp-content/files/chikungbib... http://www.clinicrak.com/webboard/infertile/00048.... http://www.gettingit.com/article/56 http://books.google.com/?id=QBW1LBr-gpUC&pg=PP1&lp... http://books.google.com/?id=TxCYKEtShewC&pg=PA152&... http://books.google.com/books?id=dciuj1-F3fYC&pg=P... http://www.healthcentral.com/prostate/question-ans... http://www.hunyuantaijiacademy.com/Articles/On%20Q...