ระบบบริการสุขภาพ ของ บริการสุขภาพในประเทศอินเดีย

โรงพยาบาลโอสมาเนียเจเนรัล (Osmania General Hospital) ไฮเดอราบาด

บริการสุขภาพของรัฐ

บริการสุขภาพของรัฐนั้นไม่มีค่าใช้จ่ายและให้การสนับสนุนโดยรัฐบาลเพื่อช่วยเหลือผู้ที่อยู่ต่ำกว่าเส้นความยากจน (below the poverty line)[10] ส่วนงานสาธารณสุขอินเดียคิดเป็น 18% ของการบริการผู้ป่วยนอก (Ambulatory care) ทั้งหมด และเป็น 44% ของการบริการผู้ป่วยใน[11] ประชาชนชนชั้นกลางและชนชั้นสูงในอินเดียมีแนวโน้มที่จะใช้บริการสุขภาพสาธารณะของรัฐต่ำกว่าประชาชนที่มีมาตรฐานความเป็นอยู่ที่ต่ำกว่า[12] นอกจากนี้ยังพบว่าสตรีและผู้สูงอายุมีแนวโน้มที่จะใช้บริการสุขภาพสาธารณะมากกว่า[12] ดั้งเดิมแล้วระบบสาธารณสุขของอินเดียพัฒนาขึ้นเพื่อช่วยเหลือและให้บริการทางการแพทย์แก่ปนะชาชนทุกคนโดยไม่สนใจวรรณะหรือสถานะทางสังคมและเศรษฐกิจ[13] อย่างไรก็ตาม การพึ่งพาระหว่างระบบบริการสุขภาพสาธารณะกับของเอกชนมีความแตกต่างกันสูงมากในแต่ละรัฐของประเทศอินเดีย จากการสำรวจพบว่าครัวเรือนกว่า 57% ทั่วประเทศเห็นตรงกันว่าที่เลือกใช้ระบบบริการสุขภาพของเอกชนมากกว่าที่จะของสาธษรณะเพราะคุณภาพการบริการสุขภาพของสาธารณะอินเดียนั้นอยู่ในระดับที่แย่ (poor)[14] สาเหตุหนึ่งเนื่องด้วยการบริการสุขภาพสาธารณะจำนวนมากนั้นให้บริการในพื้นที่ชนบท และบุคลากรทางการแพทย์ที่มีประสบการณ์ต่างก็ไม่เต็มใจหรือไม่อยากที่จะไปประกอบอาชีพในพื้นที่ห่างไกล บุคลากรทางการแพทยฺส่วนใหญ่ในระบบของการดูแลสุขภาพสาธารณะจึงเป็นแพทย์ใช้ทุน (intern) ที่ประสบการณ์ไม่สูงและขาดแรงจูงใจในการทำงานที่ถูกบังคับต้องมาใช้ทุนในส่วนบริการสุขภาพสาธารณะเป็นส่วนหนึ่งของข้อกำหนดในการศึกษาแพทยศาสตร์เท่านั้น จึงส่งผลให้ระบบการดูแลสุขภาพสาธารณะของอินเดียในระดับชาติอยู่ในคุณภาพที่ต่ำ เหตุผลใหญ่อื่น ๆ รวมถึงระยะทางระหว่างโรงพยาบาลรัฐกับพื้นที่อยู่อาศัย, เวลารอพบแพทย์ที่นาน และเวลาในการให้บริการที่ไม่สะดวกหรืออำนวยต่อผู้ป่วย[14]

หลังการเลือกตั้งทั่วไปปี 2014ซึ่งได้นเรนทระ โมทีมานั่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอินเดีย รัฐบาลได้เปิดตัวแผนการสร้างระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้า (universal health care) ในระดับชาติขึ้นภายใต้ชื่อ ส่วนงานประกันสุขภาพระดับชาติ (National Health Assurance Mission) ซึ่งจะทำให้ประชาชนทุกคนได้รับยารักษาโรคและการรักษาทางการแพทย์โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย รวมถึงประกันสุขภาพสำหรับกรณีร้ายแรงต่าง ๆ [15] ในปี 2015 การดำเนินงานของระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้าต้องชะงักลงด้วยความกังวลเกี่ยวกับงบการคลัง[16] ในปี 2018 รัฐฐาลได้ประกาศโครงการ อายุษมัน ภารต (Ayushman Bharat) ที่จะครอบคลุมประชากรยากจนกว่าหนึ่งร้อยล้านครอบครัว (คิดเป็นประมาณ 500,000,000 คน – 40% ของงประชากรทั้งประเทศ) ซึ่งจะใช้ค่าใช้จ่ายกว่า 1.7 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐต่อปี การจัดหาเงินทุนบางส่วนอาจมาจากภาคเอกชน[17]

บริการสุขภาพของเอกชน

โรงพยาบาลไซฟี (Saifee Hospital) มุมไบ

นับตั้งแต่ปี 2005 บริการสุขภาพส่วนใหญ่ของประเทศอินเดียอยู่ในการดูแลของบริการสุขภาพเอกชน หรือจากโครงการร่วมกับภาคเอกชน สถานพยาบาลทั้งประเทศคิดเป็นโรงพยาบาลเอกชน 58%, เตียง 29% ในทุกสถานพยาบาล และแพทย์ 81% ของทั้งประเทศทำงานให้กับสถานพยาบาลเอกชน[11]ข้อมูลจากการสำรวจสุขภาพครอบครัวแห่งชาติ-3 (National Family Health Survey-3) พบว่าบริการสุขภาพส่วนเอกชนคิดเป็นบริการสุขภาพส่วนใหญ่ของประชาชน 70% ในเขตเมือง และ 63% ในชนบท[14] งานวิจัยโดยสถาบัน IMS Institute for Healthcare Informatics เมื่อปี 2013 ทำการศึกษาในกว่า 14,000 ครัวเรือนใน 12 รัฐ พบว่าการใช้บริการสุขภาพของเอกชนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในตลอดระยะเวลา 25 ปีที่ผ่านมาทั้งผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยใน[18] ส่วนคุณภาพของบริการสุขภาพเอกชนนั้น สัญชัย พสุและคณะ (Sanjay Basu et al.) พบว่าบุคลากรทางการแพทย์ของเอกชนมีแนวโน้มที่จะใช้เวลากับผู้ป่วยต่อคนนานกว่าของภาครัฐ[19]อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายที่สูงนี้เป็นค่าใช้จ่ายส่วนบุคคลของผู้ป่วย ส่งผลให้หลายครัวเรือนประสบปัญหาหายนะค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ (Catastrophic Health Expenditure) ซึ่งคือค่าใช้จ่ายส่วนบริการสุขภาพของครัวเรือนที่ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการใช้จ่ายเพื่อการดำรงชีพขั้นพื้นฐาน[4] และค่าใช้จ่ายในส่วนเอกชนนั้นกำลังเพิ่มขึ้นตลอดเวลา[20] ครัวเรือนยากจน 35% ของอินเดียประสบกับปัญหาค่าใช้จ่ายสูงนี้ ซึ่งชี้ให้เห็นถึงภาวะอันตรายของอินเดียในขณะนี้[4] ด้วยค่าใช้จ่ายส่วนสุขภาพของรัฐบาลเป็นเปอร์เซ็นต์ต่อจีดีพีลดต่ำลงทุกปี และค่าใช้จ่ายสุขภาพส่วนเอกชนที่พุ่งสูงขึ้น ประชาชนที่ยากจนจึงถูกทิ้งไว้กับตัวเลือกทางการแพทย์ที่น้อยลงแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน[4] ประกันสุขภาพของเอกชนในประเทศอินเดียพบมากผ่านแผนการประกันสุขภาพของรัฐบาล ข้อมูลจากธนาคารโลกเมื่อปี 2010 ระบุว่าประชากรอินเดีย 25% มีแผนประกันสุขภาพของตนเอง[21] ในขณะที่งานวิจัยของรัฐบาลอินเดียเมื่อปี 2014 พบว่ามีประชากรแค่เพียง 17% เท่านั้นที่ทำประกันสุขภาพ[22] บริการสุขภาพของเอกชนในอินเดียโดยทั่วไปมักให้บริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพที่ดีกว่าแต่ด้วยราคาที่สูงจนไร้เหตุผล ด้วยว่าอินเดียไม่มีหน่วยงานราชการที่ควบคุมหรือองค์กรทางกฎหมายที่เป็นกลางในการกำกับดูแลการ ประพฤติผิดทางการแพทย์ (medical malpractices) ในรัฐราชสถาน บุคลากรทางการแพทย์ 40% ไม่มีวุฒิแพทยศาสตร์บัณฑิต (medical degree) และ 20% ไม่ได้จบชั้นมัธยมศึกษา[20] เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2012 รายการสัตยเมว ชยเต (Satyamev Jayate) ของนักแสดงชื่อดังอามีร์ ข่าน (Aamir Khan) ได้ออกอากาศตอน "หรือระบบบริการสุขภาพจะต้องการการรักษา?" ("Does Healthcare Need Healing?") ซึ่งพูดถึงประเด็นค่าใช้จ่ายที่สูงอย่างไร้เหตุผลและการประพฤติผิดทางการแพทย์ของโรงพยาบาลและคลินิกเอกชนในอินเดีย กลุ่มบริษัท นารายันเฮลธ์ (Narayana Health) ผู้ให้บริการสุขภาพเอกชนเจ้าใหญ่ในอินเดียจึงออกโครงการที่จะลดราคาการแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับหัวใจลงที่ 800 ดอลล่าร์สหรัฐเพื่อตอบโต้[23]

ใกล้เคียง

บริการสุขภาพในประเทศอิสราเอล บริการสุขภาพในประเทศไทย บริการเครือข่ายสังคม บริการสุขภาพในประเทศจีน บริการสาธารณะ บริการสุขภาพในประเทศอินเดีย บริการการแพทย์ฉุกเฉิน บริการสุขภาพแห่งชาติ บริการสุขภาพในสหราชอาณาจักร บริการสุขภาพในประเทศอินโดนีเซีย

แหล่งที่มา

WikiPedia: บริการสุขภาพในประเทศอินเดีย http://www.measuredhs.com/pubs/pdf/FRIND3/FRIND3-V... http://qz.com/324487/modis-ambitious-health-policy... http://in.reuters.com/article/2014/10/30/uk-india-... http://in.reuters.com/article/2015/03/27/india-hea... http://www.thehindu.com/news/national/only-17-have... http://www.thehindu.com/sci-tech/health/policy-and... //pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/21227492 //pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/22723748 //pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/27924110 //www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC3093249