ปฏิบัติการซันเนนบลูเมอ เป็นรหัสนามที่ถูกมอบให้กับการส่งกองทัพเยอรมันเข้าไปยัง
แอฟริกาเหนือในเดือนกุมภาพันธ์ ปี ค.ศ. 1941 ในช่วง
สงครามโลกครั้งที่สอง กองทัพที่ 10 ของอิตาลีได้ถูกทำลายโดยการโจมตีของกองกำลังทะเลทรายตะวันตกของบริติซและฝ่ายสัมพันธมิตรในช่วง
ปฏิบัติการเข็มทิศ (9 ธันวาคม ค.ศ. 1940 – 9 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1941) หน่วยกองกำลังแรกของ Deutsches Afrikakorps (DAK) หรือ
กองทัพน้อยแอฟริกาที่ถูกก่อตั้งขึ้นมาใหม่ (ภายใต้การนำโดยจอมพล
แอร์วีน ร็อมเมิล) ได้ออกเดินทางจากเมืองเนเปิลส์ไปยังแอฟริกาและเดินทางมาถึงเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ปี ค.ศ. 1941 เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ การรุกของหน่วยกองกำลังของกองพลเบาแอฟริกาที่ 5 (ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นกองพลพันเซอร์ที่ 21) Aufklärungsbataillon 3 (กองพันหน่วยลาดตะเวนที่ 3) และ Panzerjägerabteilung 39 (กองกำลังล่ารถถังที่ 39) ได้เดินทางมาถึง
ตริโปลี ประเทศลิเบีย และถูกส่งไปยังแนวหน้าที่
เซิร์ตทันทีร็อมเมิลได้เดินทางมาถึงลิเบียเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ด้วยคำสั่งให้ทำการป้องกันที่ตรีโปลีและตรีโปลิตาเนียถึงแม้ว่าจะใช้กลยุทธ์ที่ก้าวร้าว นายพล Italo Gariboldi ได้ถูกมาแทนที่กับ Maresciallo d'Italia(จอมพลอิตาลี)
โรดอลโฟ กราซีอานี ในขณะที่เป็นผู้ว่า-นายพลของลิเบีย เมื่อวันที่ 25 มีนาคม และ Generale d'Armata Mario Roatta ผู้บัญชาการสูงสุดแห่ง Regio Esercito (กองทัพราชอาณาจักรอิตาลี) ได้ออกคำสั่งให้กราซีอานีเพื่อที่จะจัดตั้งหน่วยทหารยานยนต์อิตาลีในลิเบียภายใต้คำสั่งของเยอรมัน กองกำลังทหารเยอรมันหน่วยแรกได้เดินทางมาถึงเซิร์ตเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์และรุกไปยังโนฟิเลีย เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 24 กุมภาพันธ์ เยอรมันได้พบเจอการดักซุ่มโจมตีของหน่วยลาดตะเวนบริติซใกล้กับ
อัลอะละมัยน์ เมื่อวันที่ 24 มีนาคม ฝ่ายอักษะได้เข้ายึดครองอัลอะละมัยน์ และวันที่ 31 มีนาคม ได้เข้าโจมตีที่เบรกา กองทัพน้อยยานเกราะที่สามที่ไม่แข็งแกร่งพอได้ล้มเหลวในการโจมตีตอบโต้กลับและเริ่มที่จะล่าถอยไปยัง
เบงกาซีในวันถัดไปเมื่อกองทัพน้อยยานเกราะที่สามได้เคลื่อนย้ายออกไป รถถังที่ได้พังชำรุดได้เริ่มที่จะพังทลายลงตามที่ได้คาดการณ์ไว้และกองทัพน้อยได้ล้มเหลวในการป้องกันฝ่ายอักษะในโอบปีกขนาบข้างในทะเลทราย ทางตอนใต้ของตอกลิ่มไซเรไนกา ซึ่งทำให้ทหารออสเตรเลียที่เหลืออยู่ในเบงกาซีไม่มีทางเลือก แต่ก็ได้ล่าถอยขึ้นไปยัง Via Balbia ร็อมเมิลได้แบ่งกองกำลังของเขาออกเป็นแนวขนาดเล็กเพื่อขัดขวางการล่าถอยของบริติซเท่าที่ฝ่ายอักษะจะเกิดขาดแคลนเชื้อเพลิงและน้ำดื่ม กองกำลังทหารจำนวนมากของฝ่ายบริติซได้ถูกจับกุมที่เมกฮีลี ซึ่งนำไปสู่การล่าถอยอย่างต่อเนื่องของบริติซไปยังทูบลักและจากนั้นก็ไปยังชายแดนลิเบีย-อียิปต์ กองกำลังฝ่ายอักษะได้ล้มเหลวในการเข้ายึกครองทูบลักก่อนที่ฝ่ายป้องกันจะมีเวลาในการเตรียมความพร้อมในการป้องกันและร็อมเมิลต้องแบ่งกองกำลังฝ่ายอักษะไปยังระหว่างทูบลักและชายแดนซันเนนบลูเมอได้ประสบความสำเร็จเพราะความสามารถของเยอรมันในการรุกได้รับการดูถูกดูแคลนโดยนายพล Archbald Wavell ผู้บัญชาการทหารสูงสุดในตะวันออกกลาง สำนักงานการสงคราม และ
วินสตัน เชอร์ชิล ร็อมเมิลได้เปลี่ยนสถานการณ์ด้วยความกล้าของเขา ซึ่งเป็นสิ่งที่คาดไม่ถึง แม้จะได้รับรายงานข่าวกรองมากมายจากอัลตร้าและเอ็มไอ 14 (หน่วยข่าวกรองทหารบริติซ) หน่วยทหารบริติซจำนวนมากได้ถูกย้ายไปยังกรีซและอื่นๆออกไปจากอียิปต์เพื่อทำการปรับปรุง ผู้บัญชาการบางคนได้รับการแต่งตั้งจาก Wavell ในการเข้าถึงกองบัญชาการไซเรไนกา (CYRCOM) ได้แสดงให้เห็นว่าไร้ความสามารถและ Wavell ได้อาศัยแผนที่ที่พบว่าไม่แม่นยำ เมื่อเขาได้เดินทางมาถึงในภายหลังเพื่อดูด้วยตัวเอง ในปี ค.ศ. 1949 Wavell ได้เขียนไว้ว่า "ข้าพเจ้ามั่นใจถึงการไม่ประเมินคาดการณ์ของร็อมเมิลจากประสบกาณ์ของข้าพเจ้าที่มีต่อพวกอิตาลี ข้าพเจ้าควรจะรอบคอบมากกว่านี้...."