ประวัติศาสตร์วิทยาศาสตร์ (History of science) คือ การศึกษาพัฒนาการของวิทยาศาสตร์ รวมทั้งวิทยาศาสตร์ธรรมชาติและวิทยาศาสตร์เชิงสังคม วิทยาศาสตร์เป็นองค์ความรู้เชิงประจักษ์ทั้นในเชิงทฤษฎีและเชิงปฏิบัติ เกี่ยวกับธรรมชาติของโลกและจักรวาล วิทยาศาสตร์เป็นศาสตร์ที่ได้รับการค้นพบและต่อยอดโดยนักวิทยาศาสตร์จากรุ่นสู่รุ่น นักวิทยาศาสตร์ให้ความสำคัญกับการสังเกต อธิบาย และทำนายปรากฏการณ์ในโลกแห่งความเป็นจริง
[1] นอกจากนั้นประวัติศาสตร์วิทยาศาสตร์ยังศึกษาผลกระทบของนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์ที่มีต่อ
วัฒนธรรม เศรษฐกิจ และ
การเมืองของมนุษยชาติในประวัติศาสตร์ที่ผ่าานมา ประวัติศาสตร์วิทยาศาสตร์ เป็นเนื้อหาส่วนหนึ่งของวิชา
ประวัติศาสตร์วิทยาศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นความรู้ทาง
คณิตศาสตร์ วิศวกรรม หรือ
ฟิสิกส์ที่เราเข้าใจกันในปัจจุบันนั้น ล้วนมีจุดกำเนิด
การปฏิวัติวิทยาศาสตร์ในยุคพื้นฟูศิลปวิทยาของยุโรป ซึ่งความรู้ทางวิทยาศาสตร์เหล่านั้น มีรากฐานจากผลงานที่คิดค้นขึ้นในสมัย
กรีกโบราณและผลงานความรู้จากโลกมุสลิมที่มาจากโลกตะวันออก ซึ่งรับช่วงต่อมาจากอารยธรรม
อียิปต์ เมโสโปเตเมีย และ
อินเดียคำว่า "Scientist" ในภาษาอังกฤษซึ่งแปลว่า "นักวิทยาศาสตร์"เป็นคำที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่ศตวรรษที่แล้ว คำนี้ได้มีการใช้เป็นครั้งแรกโดย วิลเลียม เวเวล (William Whewell) ในศตวรรษที่ 19
[2] ก่อนหน้านั้นผู้ที่สำรวจธรรมชาติของโลกเรียกตัวเองว่า "นักปรัชญาธรรมชาติ (Natural philosopher)" การสังเกตการณ์ธรรมชาติของโลกและจักรวาลนั้นมีมาตั้งแต่ยุคโบราณ ตัวอย่างเช่นนักปรัชญาธรรมชาติชาวกรีก ธาเลส (Thales) และ อริสโตเติล (Aristotle) และวิธีการทางวิทยาศาสตร์ (Scientific method) ถูกนำมาใช้ตั้งแต่สมัยยุคกลางของยุโรปซึ่งมีที่มาจากโลกมุสลิม ตัวอย่างเช่น นักปราชญ์ชาวอาหรับ อิบน์ อัลฮัยษัม (Ibn al-Haytham) และนักปราชญ์ชาวอังกฤษ โรเจอร์ เบคอน (Roger Bacon) วิทยาศาสตร์สมัยใหม่เริ่มขึ้นในช่วงต้นยุคใหม่ (Modern era) เพื่อการพัฒนาศักยภาพทางอุตสาหกรรมและการทำความเข้าใจกับธรรมชาติของจักรวาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการปฏิวัติวิทยาศาสตร์ในทวีปยุโรปช่วงศตวรรษที่ 16 และ 17
[3]