บทความนี้อ้างอิง
คริสต์ศักราช/คริสต์ทศวรรษ/คริสต์ศตวรรษ ซึ่งเป็นสาระสำคัญของเนื้อหา
ปรากฏการณ์ขบวนแห่ (
อังกฤษ: bandwagon effect) เป็นความโน้มเอียงที่บุคคลจะเริ่ม
พฤติกรรม ออกสไตล์ หรือมี
ทัศนคติบางอย่างเพียงเพราะว่า คนอื่น ๆ ก็ทำหรือมีด้วยเช่นกัน
[1]นี่เป็น
ความเอนเอียงทางประชานที่
มติหรือ
พฤติกรรมของ
มหาชนสามารถเปลี่ยนไปได้เนื่องกับการปลุกระดมให้กระทำหรือให้เชื่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
[2]เป็นปรากฏการณ์ทาง
จิตที่การรับเอา
ความเชื่อ แนวคิด
แฟชั่นสมัยนิยม และเทรนด์สามารถเพิ่มขึ้นเพราะเหตุที่มีคนยอมรับมากขึ้น
[3]คือ เมื่อคนเริ่มเชื่ออะไรบางอย่างมากขึ้น ก็จะมีคนมาตามขบวนแห่ไม่ว่าจะมีหลักฐานที่
สมเหตุสมผลกันหรือไม่การทำตามหรือเชื่อตามคนอื่นเกิดเพราะบุคคลต้องการจะเหมือนกับคนอื่น หรือเพราะได้ข้อมูลจากคนอื่นอิทธิพลของปรากฏการณ์นี้โดยมากมาจากความต้องการเข้ากับสังคมได้เพราะเมื่อเลือกทำเลือกเชื่อสิ่งเดียวกันกับคนอื่น ก็จะทำให้เข้ากับกลุ่มสังคมนั้นได้
[4]ตัวอย่างก็คือเทรนด์แฟชั่น ที่ความนิยมยิ่ง ๆ ขึ้นของเสื้อผ้าอย่างหนึ่ง หรือสไตล์แบบหนึ่ง ทำให้คนเข้าร่วมขบวนแห่มากขึ้น
[5]เมื่อบุคคลเลือกทำตามเหตุผลโดยได้ข้อมูลจากคนอื่น
นักเศรษฐศาสตร์เสนอว่า จะเกิดการสืบต่อข้อมูลเป็นหลั่น ๆ (information cascade) ในสังคม ซึ่งบุคคลจะละเลยข้อมูลที่ตนมีแล้วทำตามคนอื่น
[6]เหตุการณ์สืบต่อเป็นหลั่น ๆ อธิบายได้ว่า ทำไมพฤติกรรมจึงไม่ค่อยแน่นอนเพราะทุกคนเข้าใจว่าพฤติกรรมของตนอาศัยข้อมูลที่จำกัดมากดังนั้น แฟชั่นสมัยนิยมจึงเกิดได้ง่าย แต่ก็ล้มลงได้ง่ายเช่นกันปรากฏการณ์นี้ตรวจพบใน
วิชาการหลายสาขา เช่น
เศรษฐศาสตร์ การเมือง แพทยศาสตร์ และ
จิตวิทยา[7]ใน
จิตวิทยาสังคม ความโน้มเอียงที่บุคคลจะปรับความเชื่อและพฤติกรรมให้เข้ากับบุคคลในกลุ่มเรียกว่า herd mentality หรือ groupthink
[8]ส่วนปรากฏการณ์ตรงกันข้ามคือ
reverse bandwagon effect หรือ
snob effect (ปรากฏการณ์หยิ่ง) เป็นความเอนเอียงทางประชานที่ทำให้บุคคลหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเพราะเชื่อว่า คนอื่นมีพฤติกรรมเช่นนั้น
[9]