สำหรับปลาน้ำจืดขนาดเล็ก ดูที่:
ปลาซิวข้าวสารปลากะตัก หรือ
ปลาไส้ตัน[2] (
อังกฤษ: Anchovy) เป็นปลาทะเลขนาดเล็ก
สกุลหนึ่ง ใช้ชื่อสกุลว่า Stolephorus จัดอยู่ใน
วงศ์ปลาแมว (Engraulidae) ลักษณะโดยทั่วไปเป็นปลาผิวน้ำขนาดเล็ก อาศัยอยู่รวมกันเป็นฝูง ลำตัวเรียวยาว แบนข้างมีสันหนามที่ท้อง ขากรรไกรบนยาวเลยหลังตา ครีบหลังตอนเดียว ครีบหางเว้าลึก มีแถบสีเงินพาดตามแนวความยาวของลำตัวปลากะตัก ในประเทศไทยเป็นพันธุ์ปลาขนาดเล็กกว่าปลากะตักประเทศอื่นๆ ซึ่งมีขนาดโดยเฉลี่ยประมาณ 2–5
เซนติเมตร มีอายุขัยโดยเฉลี่ยไม่เกิน 3 ปี เป็นปลาที่หากินตามผิวน้ำ มักอยู่รวมกันเป็นฝูงใหญ่ โดยอยู่ห่างจากชายฝั่งประมาณ 0.5-1.5
ไมล์ทะเล ตามบริเวณชายฝั่งและ
หมู่เกาะต่าง ๆ กิน
แพลงก์ตอนต่าง ๆ เป็นอาหาร ทั้ง
แพลงก์ตอนพืช เช่น
ไดอะตอม และ
แพลงก์ตอนสัตว์เช่น
ตัวอ่อนของ
ครัสเตเชียน,
โคพีพอด หรือไข่ของ
หอยสองฝา เป็นต้น และสำหรับ
ห่วงโซ่อาหารในทะเล ปลากะตักก็เป็นอาหารสำคัญของปลาและสัตว์น้ำขนาดใหญ่กว่า เช่น
แมวน้ำ,
สิงโตทะเล,
โลมา,
วาฬ และ
ปลาฉลามปลากะตัก พบกระจายพันธุ์ทั่วไปในเขตน่านน้ำของ
อินโด-แปซิฟิก ในน่านน้ำไทยพบ 11
ชนิด จากการศึกษาของ
ทศพร วงศ์รัตน์ ในปี
ค.ศ. 1985 จากทั้งหมด 20 ชนิด (เดิมมีอยู่ 18 ชนิด)
[1] เป็น
ปลาเศรษฐกิจที่สำคัญต่อมนุษย์ โดยสามารถนำไปแปรรูปต่าง ๆ ได้มากมาย เช่น
น้ำปลา,
ปลาป่น,
ปลาแห้ง,
บูดู รวมทั้งการบริโภคสดปลากะตัก นอกจากปลาไส้ตันแล้ว ยังมีชื่อเรียกอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น ปลากล้วย, ปลาหัวอ่อน, ปลาจิ้งจั๊ง, ปลามะลิ, ปลาหัวไม้ขีด, ปลาเส้นขนมจีน
[3], ปลายู่เกี้ย, ปลาเก๋ย เป็นต้น
[4] นอกจากนี้แล้ว ปลากะตักตากแห้งมีชื่อเรียกว่า ปลาข้าวสาร นิยมรับประทานเป็นกับแกล้มกับอาหารชนิดอื่น
[5]