แพลงก์ตอนพืช หรือ
ไฟโทแพลงก์ตอน (
อังกฤษ: Phytoplankton) มีรากศัพท์จาก
ภาษากรีกว่า
φυτόν (ฟิตอน) หมายถึง "
พืช" และ
πλαγκτός (พลังค์ตอส) หมายถึง "ผู้เดินทาง" หรือ "ผู้เร่ร่อน"
[1] คือ
แพลงก์ตอนที่สามารถ
สังเคราะห์แสงและสร้างอาหารเองได้ สิ่งมีชีวิตกลุ่มหลักของแพลงก์ตอนพืชประกอบด้วย
ไดอะตอม สาหร่ายสีเขียว สาหร่ายสีทอง ไดโนแฟลกเจลเลต และ
ไซยาโนแบคทีเรีย (สาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน) ถือเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความสำคัญอย่างมากต่อระบบนิเวศ เนื่องจากเป็น
ผู้ผลิตปฐมภูมิของ
ห่วงโซ่และ
สายใยอาหาร พบได้ทั้งใน
ระบบนิเวศน้ำจืด ระบบนิเวศน้ำเค็ม ตลอดจนในระบบนิเวศ
น้ำกร่อย แพลงก์ตอนพืชส่วนใหญ่จะเป็นสิ่งมีชีวิตจำพวก
สาหร่าย ทั้งที่เป็น
โพรแคริโอตและ
ยูแคริโอต โดยในแหล่งน้ำจืดจะพบ
สาหร่ายสีเขียว โดยเฉพาะใน
อันดับเดสมิด เป็นกลุ่มหลัก ส่วนในแหล่งน้ำเค็มอย่างทะเลและทะเลสาบ พบว่าแพลงก์ตอนพืชกลุ่มหลักคือกลุ่ม
ไดอะตอมและ
ไดโนแฟลกเจลเลต[2]ในทางชีววิทยา แพลงก์ตอนพืชบาง
สปีชี่ส์จัดอยู่ใน
อาณาจักรพืช เช่น สาหร่ายสีเขียว บางชนิดอยู่ในอาณาจักร
โพรทิสตา เช่น ไดอะตอม สาหร่ายสีทอง บางชนิดอยู่ในกลุ่ม
เฮเทอโรคอนท์ ซึ่งไม่ได้จัดอันดับไว้ (จำพวกไดโนแฟลกเจลเลต) และบางชนิดถูกจัดอยู่ในอาณาจักร
ยูแบคทีเรีย เช่น ไซยาโนแบคทีเรียแพลงก์ตอนพืชยังเป็นอาหารของแพลงก์ตอนสัตว์และสัตว์หลายชนิดที่อาศัยอยู่ตามพื้นน้ำหรือท้องทะเล สัตว์บางชนิดมีอวัยวะคล้ายตาข่ายเพื่อดักจับแพลงก์ตอนพืชโดยเฉพาะ เช่น
กุ้งเคย[3] ห่วงโซ่อาหารหนึ่งที่เป็นที่รู้จักกันมากที่สุดคือ แพลงก์ตอนพืช →
กุ้งเคย →
วาฬมนุษย์นำแพลงก์ตอนพืชมาใช้ประโยชน์ในหลายทาง แพลงก์ตอนบางชนิดมีคุณค่าทางอาหารสูง จึงถูกนำไปใช้เป็นอาหารเสริมหรือเป็นส่วนประกอบของอาหารเสริม บางชนิดถูกนำไปใช้เป็นอาหารให้แก่สัตว์น้ำวัยอ่อนที่ต้องการเพาะพันธุ์ แพลงก์ตอนพืชที่มีปริมาณมากและเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในแหล่งน้ำใด ๆ อาจเป็นสาเหตุให้เกิด
ปรากฏการณ์ขี้ปลาวาฬ ทำให้น้ำเปลี่ยนสีเป็นสีเขียว แดง น้ำตาล หรือเหลือง ขึ้นอยู่กับชนิดของแพลงก์ตอนพืช เช่น ไดโนแฟลกเจลเลตอย่าง
Noctiluca scintillans ทำให้น้ำเป็นสีเขียว
Ceratium furca ทำให้น้ำเป็นสีน้ำตาล เป็นต้น แพลงก์ตอนพืชปริมาณมากอาจเป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้น เนื่องจากทำให้น้ำขาด
ออกซิเจนหรือลดลงอย่างมาก หรือทำให้เกิดภาวะสะสมของสารพิษที่มาจากตัวแพลงก์ตอน
[4]แพลงก์ตอนพืชมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการผลิต
ออกซิเจน นักชีววิทยาคาดการณ์ว่าปริมาณออกซิเจนถึงร้อยละ 50–80 ในชั้น
บรรยากาศโลกผลิตขึ้นจากแพลงก์ตอนพืช
[5] ปัจจุบันแพลงก์ตอนพืชมีจำนวนลดลงอย่างมาก ซึ่งปัจจัยสำคัญคือน้ำทะเลมีอุณหภูมิสูงขึ้น ตั้งแต่ พ.ศ. 2493 เป็นต้นมา จำนวนแพลงก์ตอนพืชในทะเลลดลงกว่าร้อยละ 40
[6]