สำหรับปลาใบไม้ชนิดอื่น ดูที่:
ปลาใบไม้ปลาสลิด เป็นปลาน้ำจืดชนิดหนึ่ง มี
ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Trichogaster pectoralis ใน
วงศ์ปลากัด ปลากระดี่ (Osphronemidae) มีรูปร่างคล้าย
ปลากระดี่หม้อ (T. trichopterus) ซึ่งเป็นปลาใน
สกุลเดียวกัน แต่มีลำตัวที่หนาและยาวกว่า หัวโต ครีบหลังในตัวผู้มีส่วนปลายยื่นยาวเช่นเดียวกับครีบก้น ครีบอกใหญ่ ตาโต ปากเล็กอยู่สุดปลายจะงอยปาก ครีบหางเว้าตื้นปลายมน ตัวมี
สีเขียวมะกอกหรือ
สีน้ำตาลคล้ำ มีแถบยาวตามลำตัวตั้งแต่ข้างแก้มจนถึงกลางลำตัว
สีดำ และมีแถบเฉียงสีคล้ำตลอดแนวลำตัวด้านข้างและหัว ครีบมีสีคล้ำ ขนาดโดยเฉลี่ย 10-16
เซนติเมตร พบขนาดใหญ่สุดถึง 25 เซนติเมตร นับเป็นปลาในสกุล
Trichopodus ที่ใหญ่ที่สุดมีถิ่นอาศัยในแหล่งน้ำนิ่งที่มีพืชน้ำและ
หญ้ารกริมตลิ่งของ
ภาคกลาง,
ภาคอีสาน และ
ภาคใต้ของ
ประเทศไทย นอกจากนี้ยังพบในประเทศรอบข้าง พฤติกรรมในการ
สืบพันธุ์เริ่มขึ้นในระหว่างเดือน
เมษายน-
สิงหาคม โดยจะวางไข่โดยการก่อหวอดตามผิวน้ำติดกับพืชน้ำหรือวัสดุต่าง ๆ มักวางไข่ในช่วง
กลางวันที่มี
แดดรำไร หลังวางไข่เสร็จแล้วตัวพ่อปลาจะเป็นผู้ดูแลไข่จนฟักเป็นตัว ตัวเมียวางไข่ครั้งละ 4,000-10,000 ฟอง ในการเลี้ยงทางเศรษฐกิจนิยมให้เป็นการผสมพันธุ์หมู่ปลาสลิดนับเป็นปลาน้ำจืดเศรษฐกิจที่สำคัญอีกชนิดหนึ่งของไทย นิยมแปรรูปเป็น
ปลาแห้งหรีอ
ปลาเค็มที่รู้จักกันดี โดยเกษตรกรจะเลี้ยงในบ่อดิน โดยฟันหญ้าให้เป็น
ปุ๋ยและเกิด
แพลงก์ตอนเพื่อเป็นอาหารปลา โดยพื้นที่เลี้ยงปลาสลิดที่เป็นที่รู้จักกันดี คือ
อำเภอบางบ่อและ
อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ที่เรียกว่า "ปลาสลิดบางบ่อ" นอกจากนี้ยังมีอีกแหล่งหนึ่งที่เคยมีชื่อในอดีต คือที่ ตำบลดอนกำยาน
อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี แต่ปัจจุบันพื้นที่เลี้ยงที่ใหญ่ที่สุดอยู่ที่
อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร[2]มีชื่อเรียกใน
ภาษามลายูว่า "Sepat siam"
ภาษาอังกฤษเรียกว่า "ปลากระดี่หนังงู" (Snakeskin gourami) และมีชื่อเรียกใน
ราชาศัพท์อีกว่า "ปลาใบไม้" ทั้งนี้เนื่องจากคำว่า "สลิด" เพี้ยนมาจากคำว่า "จริต"
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 จึงได้ทรงแนะนำให้เรียกปลาสลิดในหมู่ราชบริพารว่า ปลาใบไม้ เพราะทรงเห็นว่ามีรูปร่างเหมือน
ใบไม้ปัจจุบัน ยังมีการเพาะเลี้ยงเป็นปลาสวยงาม เช่นเดียวกับ ปลากระดี่นาง ปลากระดี่หม้อ และปลากระดี่มุก